เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับศักยภาพของประเทศในการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน รวมถึงการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจและสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยจึงได้จัดทำแผนพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันฉบับที่ 2 ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2018-2037) โดยนี้มุ่งเน้นที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการในอนาคต อีกทั้งเสริมสร้างศักยภาพของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่
อย่างไรก็ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจำเป็นต้องมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกกลุ่ม การสนับสนุนการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างประชาชนจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของวิสัยทัศน์รัฐบาลไทย ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงได้จัดทำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฉบับที่ 9 ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างครอบคลุม ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น
เมื่อเดือนกันยายน 2022 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 4 ภูมิภาค โดยระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่พัฒนาหลักในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ SEC มีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ ไม่เพียงแต่กับเขตเศรษฐกิจหลักของไทยเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) นอกจากนี้ยังจะเป็นฐานสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรมูลค่าสูง รวมถึงการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่ระดับสากล โครงการนี้ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ตอนบนของประเทศ ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวยังได้ระบุถึงมาตรการสนับสนุนเพื่อกระตุ้นการลงทุนใน SEC จากผู้ประกอบการ โดยมีความครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่ การปฏิรูปกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ การสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ การเสริมสร้างศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบการ การวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม สิทธิประโยชน์ทั้งด้านภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี รวมถึงยังเรียกร้องให้มีการส่งเสริมและบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคตอีกด้วย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการลงทุนในประเทศ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม และได้ริเริ่มมาตรการเพื่อส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จในพื้นที่ EEC แล้ว BOI กำลังขยายการส่งเสริมไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยในปี 2023 ได้ออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 18/2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 4 แห่ง รวมถึง SEC
BOI ตระหนักถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของ SEC สำหรับภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม รวมถึงบทบาทการเป็นประตูเชื่อมโยงการค้าและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาของ SEC ด้วยการเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2023 เป็นต้นไป นักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ลงทุนในพื้นที่ SEC จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมหากมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์หรือดำเนินการวิจัยและพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยเงื่อนไขดังกล่าว ได้แก่
- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เช่น Work-integrated Learning (WiL), Cooperative Education (CE) หรือความร่วมมือเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไทยในสาขาที่ได้รับอนุมัติ เพื่อรับสิทธิประโยชน์นี้จำนวนนักเรียนหรือนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เข้ารับการฝึกอบรมจะต้องไม่น้อยกว่า 10% ของพนักงานทั้งหมด หรือต้องไม่น้อยกว่า 40 คน แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า
- การวิจัยและพัฒนา ต้องมีการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนาอย่างน้อย 1% ของยอดขายรวมในระยะเวลา 3 ปีแรก หรืออย่างน้อย 200 ล้านบาท แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า
สำหรับกิจการประเภท A1+ ที่ทำตามเงื่อนไขการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์หรือการวิจัยและพัฒนา จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 2 ปี จากระยะเวลาเดิม 10-13 ปี ขณะที่กิจการประเภท A1-A4 จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติมอีก 3 ปี หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเดิม 3-8 ปี
ในขณะเดียวกันเพื่อเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงเชื่อมโยงกับการพัฒนาในพื้นที่ BOI ยังส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีผ่านการให้สิทธิประโยชน์ในเขตอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ (Southern Thailand Science Park: STSP) ซึ่งตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยแบ่งประเภทของกิจการที่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์ออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- กิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายหลัก (Target Core Technology Development Activities) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 2 ปี จากระยะเวลาปกติโดยไม่มีการจำกัดวงเงิน
- กิจการวิจัยและพัฒนา ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ บริการสอบเทียบ การออกแบบวิศวกรรม ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพ และการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติมอีก 5 ปี จากระยะเวลาปกติ
การสนับสนุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ รวมถึงผลักดันผลงานวิจัยไปสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจการเป้าหมายในพื้นที่
นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์เชิงพื้นที่แล้ว BOI ยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนตามประเภทธุรกิจ ครอบคลุมอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของ BOI รวมถึงการพัฒนาด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ SEC และเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ผู้ประกอบการที่ลงทุนในสนามบินพาณิชย์ บริการขนส่งทางทะเล ขนส่งทางราง และศูนย์กระจายสินค้าที่ใช้ระบบอัจฉริยะ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี
ผู้ประกอบการที่ลงทุนในบริการขนส่งทางอากาศ สถานีบรรจุ/ขนถ่ายสินค้าทางเรือ และศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศ (International Distribution Center: IDC) จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี ส่วนกิจการที่ลงทุนในระบบท่อ (ยกเว้นท่อส่งน้ำ) และศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center: DC) จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่จะยังคงได้รับยกเว้นอากรขาเข้าในเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษีเช่นเดียวกับประเภทกิจกรรมอื่นที่กล่าวมาข้างต้น
โดยสรุป BOI ไม่เพียงแต่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังพยายามกระตุ้นการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ โดยเชื่อว่าการดำเนินการเหล่านี้จะช่วยพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และยั่งยืน สอดรับกับศักยภาพของภาคใต้ตอนบนอย่างแท้จริง นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
Leave a Reply