fbpx
state-sets-september-for-new-strategic-trade-plan

10 เทรนด์เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลสำหรับปี 2024

1024 682 Earn Thongyam

งานด้านทรัพยากรบุคคลกับความท้าทายนั้นเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะเรื่องการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ การจัดการต้นทุน การแก้ไขปัญหาช่องว่างทางทักษะ หรือการรักษาความถูกต้องของข้อมูล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการรับรู้ถึงความท้าทายเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อเอาชนะมัน แต่เป็นการสร้างรูปแบบการทำงานในอนาคตของคุณ

คุณอาจคิดว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงส่วนเสริมสำหรับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจทุกแห่งในปัจจุบัน เพราะถ้าคุณไม่ทันโลก คุณกำลังเสี่ยงที่จะสูญเสียมากกว่าแค่การตกเทรนด์ เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจ การบริหารบุคลากร และการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ลองนึกภาพการต้องดิ้นรนหาบุคลากรที่เหมาะสมเพราะคุณยังคงใช้วิธีการสรรหาแบบเดิม ๆ ที่มีแผนกต่าง ๆ ทำงานแยกส่วนกัน และในที่สุดอาจพลาดโอกาสในการเติบโต

บทความนี้จะพูดถึงปัญหาด้านทรัพยากรบุคคลที่สำคัญ วิธีแก้ไข และเทรนด์ล่าสุดที่จะช่วยผลักดันอาชีพและองค์กรของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าเหนือคู่แข่ง

 

  1. การแก้ปัญหาความขัดแย้งของผลผลิต

ปัญหาความขัดแย้งของผลผลิต (Productivity Paradox) คือความท้าทายในการเพิ่มผลผลิตโดยรวมของพนักงานอย่างเป็นรูปธรรม แม้ว่าจะมีการนำซอฟต์แวร์และกลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคลมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อปรับปรุงผลิตภาพของพนักงาน แต่ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ในงาน HR Tech Trends Virtual Roundtable 2024 มีการพูดถึงทางแก้สำหรับปัญหานี้ นั่นคือการหาจุดสมดุลระหว่างระบบอัตโนมัติและการให้ความสำคัญกับมนุษย์

เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลนั้นไม่ควรเพียงแค่ถูกนำมาใช้ แต่ต้องคำนึงถึงการช่วยเหลือมนุษย์เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดคือการเพิ่มประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและทุกคนที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลไม่ใช่การแทนที่มนุษย์ด้วยเครื่องจักร แต่เป็นการสร้างความสมดุลระหว่างทั้งสองสิ่ง

เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลสามารถสร้างเส้นทางของพนักงานที่เป็นแบบเฉพาะบุคคลและส่งผลกระทบมากขึ้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการนำแพลตฟอร์มเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่เครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันไปจนถึงโปรแกรมการเรียนรู้

 

  1. ความท้าทายในการนำไปใช้

เสาหลัก 3 ประการของการบริหารจัดการบุคลากรคือ การระบุ การพัฒนา และการให้รางวัล คุณสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้โดยการนำเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมันมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการค้นหาศักยภาพ ให้คำแนะนำเพื่อการเติบโต และรักษาบุคลากรให้มีความสุขแต่ยังมีอุปสรรคบางอย่าง เช่น ปัญหาด้านการเชื่อมต่อ การนำไปใช้ที่ผิดพลาด และอคติ ซึ่งอาจรบกวนการดำเนินการและส่งผลกระทบต่อแผนของคุณ

ปัญหาด้านการเชื่อมต่อจะทำให้ระบบเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลของคุณทำงานได้ไม่ราบรื่น ซึ่งอาจเกิดได้จากอินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียรหรือปัญหาด้านซอฟต์แวร์ คุณจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่แข็งแกร่ง มีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และมีแผนการแก้ไขที่ดีเมื่อเกิดปัญหา

เพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้งานระบบอย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องวางแผนและฝึกอบรมพนักงานให้คุ้นเคย จัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการประเมินและปรับปรุงระบบอยู่เป็นประจำ

สุดท้ายคือคุณจำเป็นที่ต้องจะหลีกเลี่ยงอคติหรือความลำเอียงในการบริหารจัดการพนักงาน ซึ่งทำได้โดยการออกแบบและทดสอบระบบอย่างรอบคอบ ใช้งานชุดข้อมูลที่หลากหลาย และคอยตรวจหาความผิดพลาดในระบบหรือการดำเนินงานอยู่ตลอด

 

  1. การจัดการการเปลี่ยนแปลง

การจัดการการเปลี่ยนแปลงคือการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เข้ากับบริบทปัจจุบัน ในยุคหลังโควิด-19 ปี 2024 นี้ พนักงานของคุณส่วนใหญ่น่าจะประกอบด้วยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจน Z ซึ่งพวกเขาต้องการควบคุมเส้นทางอาชีพและการเรียนรู้ของตนเอง

ดังนั้นบทบาทของฝ่ายทรัพยากรบุคคลในสถานการณ์นี้จึงควรเป็นผู้สนับสนุนมากกว่า ถอยออกมาหนึ่งก้าวและปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นตัวนำในการมีปฏิสัมพันธ์ สำหรับคนเจน Z เทคโนโลยีไม่ใช่แค่สิ่งอำนวยความสะดวกแต่เป็นสิ่งจำเป็น พวกเขาต้องการให้เทคโนโลยีช่วยนำทางตัวเลือกอาชีพที่ตรงกับศักยภาพและผลการดำเนินงานของบริษัท

แต่การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานภายในบริษัทนั้นไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นกระบวนการแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นด้วยการทดสอบนำร่องในบางส่วนก่อน หากประสบผลสำเร็จจึงค่อยขยายขอบเขตออกไป โดยคอยติดตามการฝึกอบรมและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

หัวใจสำคัญของการจัดการการเปลี่ยนแปลงคือการหาจุดที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมองค์กรกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของององค์กรอย่างสมบูรณ์ เป้าหมายของการจัดการการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ นั้นเรียบง่าย นั่นคือการสร้างวัฒนธรรมแห่งความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน ซึ่งไม่เพียงแค่ดึงดูดบุคลากรที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการรักษาและพัฒนาพวกเขา

 

  1. จากการแยกส่วนสู่การแก้ปัญหา

ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลไม่ได้เป็นเพียงแค่การใช้งานเครื่องมือบางอย่าง มันเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในองค์กร บริษัทจำนวนมากยังคงดำเนินงานแบบแยกส่วน ซึ่งส่งเสริมการแข่งขันมากกว่าการทำงานร่วมกัน แต่มีแนวทางที่ดีกว่านั้น นั่นคือใช้เทคโนโลยีทำงานเพื่อเรา ไม่ใช่ต่อต้านเรา

เพื่อที่จะทำลายกำแพงดังกล่าว เราต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติใหม่ โดยสนับสนุนการทำงานเป็นทีมมากกว่าการแข่งขัน และเทคโนโลยีควรเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงทีมเหล่านี้เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น การใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีในการมอบหมายงานให้กับทีมแทนตัวบุคคล เนื่องจากมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง คือวิธีการแบบเดียวกันไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน องค์กรของคุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นกลยุทธ์จึงต้องมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ ออกแบบเทคโนโลยีให้เหมาะสมพอดีกับความต้องการของคุณ และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ควรมีการรบกวนการทำงาน ทุกอย่างควรดำเนินไปอย่างราบรื่น นั่นคือความรับผิดชอบของผู้จัดการเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคล

ใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจ และแน่ใจว่าคุณไม่ได้เพียงแค่คำนวณตัวเลขเท่านั้น แต่ทุกอย่างต้องมีความหมายและเป็นเหตุเป็นผล การที่จะประสบความสำเร็จในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณต้องการเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่เป็นแค่ซอฟต์แวร์ แต่เป็นอาวุธลับของคุณในการสร้างความร่วมมือ ความยืดหยุ่น และการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด

 

  1. การสรรหาบุคลากร

เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่บริษัทต่าง ๆ ดึงดูดและจ้างบุคลากรที่เหมาะสม เพราะมันไม่ใช่แค่การเติมเต็มตำแหน่งงาน แต่หมายถึงการสร้างทีมที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต

ตอนนี้มีโมเดลใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจ นั่นคือการที่พนักงานเก่าซึ่งออกจากงานด้วยดียังคงรักษาการติดต่อกับบริษัทผ่านแพลตฟอร์มความร่วมมือ ทำให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีเครือข่ายบุคลากรที่มีความสามารถพร้อมเรียกตัวกลับมาทำงานอีกครั้ง

มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีการทำงานแบบชั่วคราวและการทำงานอิสระเพิ่มขึ้น องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อหาผู้เชี่ยวชาญสำหรับงานระยะสั้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการสร้างทีมที่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลในทางปฏิบัติ เช่น เครื่องมือสำหรับประเมินทักษะ การเรียนรู้ การโยกย้ายภายในองค์กร ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์ แต่คุณยังคงต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการให้ข้อมูลเหล่านั้นแก่ผู้จัดการหรือหัวหน้าทีมของคุณ

เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการสรรหาบุคลากรให้มีความคล่องตัวและครอบคลุมมากขึ้น เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถส่งเสริมความสามารถของบุคลากรภายในองค์กร ส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการเติบโตและการปรับตัวได้อย่างยั่งยืน

 

  1. ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์

ChatGPT และ AI อื่น ๆ ที่คล้ายกันสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในองค์กรของคุณได้ ลองคิดดูว่าการตอบสนองความต้องการของพนักงานจะเป็นเรื่องง่ายเพียงใด หากพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีความเฉพาะตัวและมีปฏิสัมพันธ์กับมันได้ คุณสามารถเห็นประสิทธิภาพและผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการสร้างเนื้อหาอย่างรวดเร็ว เซสชันการระดมความคิด การรับพนักงานใหม่ และการสรรหาบุคลากรแบบอัตโนมัติ

ตามข้อมูลของ Boston Consulting Group ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์มีศักยภาพที่จะเพิ่มผลผลิตให้กับฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้ถึง 30% นอกจากนั้นยังสามารถลดระยะเวลาในการอนุมัติคำขอของพนักงานและช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุดของปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์คือ หากคุณเคยต้องใช้ทีมงาน 10 คน ในการทำงานบางอย่าง ตอนนี้คุณสามารถทำสิ่งนั้นได้ภายในเวลาครึ่งหนึ่งด้วยจำนวนคนเพียงครึ่งเดียว นั่นทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนจำเป็นต้องลงทุนในการยกระดับทักษะมากขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้

 

  1. การใช้งานซอฟต์แวร์ด้านทรัพยากรบุคคล

เทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคลส่วนใหญ่มีไว้เพื่อช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเสียเวลาไปกับงานที่ยุ่งยาก และสามารถนำเวลาเหล่านั้นไปปรับปรุงกลยุทธ์และเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบติดตามผู้สมัครงาน (Applicant Tracking Systems) ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการสรรหาบุคลากรทั้งหมดไป โดยจะช่วยคุณจัดการเรื่องการประกาศรับสมัคร การนัดหมายสัมภาษณ์ และการดำเนินการโดยรวม

นอกจากนี้หากต้องการเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้นอีก คุณสามารถใช้งานโปรแกรมที่ช่วยในการคำนวณต้นทุนและข้อเสนอสำหรับผลตอบแทนและสวัสดิการต่าง ๆ ของพนักงาน ซึ่งจะทำให้คุณมีความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของผู้สมัครงานในยุคปัจจุบัน

ในปี 2023 มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่วัฒนธรรมการทำงานแบบผสมผสานอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ จำนวนมาก ดังนั้นในปี 2024 คุณจะเห็นความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในเทคโนโลยีด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งคุณสามารถนำมันมาใช้กับการทำงานรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น

 

  1. การพัฒนาผู้นำและผู้จัดการ

ตอนนี้เราอยู่ในยุคดิจิทัลและมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน ประสบการณ์หรือคุณวุฒิแบบเดิม ๆ ไม่สามารถการันตีความสำเร็จได้อีกต่อไป คุณต้องการกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับปี 2024

ตัวอย่างแนวทางใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมคือ Gamification ซึ่งหมายถึงการนำการออกแบบเกมมาใช้ในสถานการณ์ที่ไม่ใช่เกม คุณสามารถนำวิธีนี้ไปใช้ในองค์กรของคุณเพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจมากขึ้น บริษัทจำนวนมากดำเนินงานบนหลักการของการแข่งขันระหว่างเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจส่งผลเสียและก่อให้เกิดความเครียดกับพนักงาน การนำเกมมาประยุกต์ใช้สามารถช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพนักงานของคุณ

พนักงานสามารถได้รับเหรียญหรือรางวัลเสมือนจริงเมื่อบรรลุเป้าหมายในโปรแกรมการฝึกอบรม กระดานคะแนนสามารถนำมาใช้เพื่อติดตามความคืบหน้าและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นมิตรระหว่างพนักงาน ด้วย Gamification คุณไม่ได้แค่มองหาคุณสมบัติที่เหมาะสมเท่านั้น แต่คุณยังได้ขัดเกลาทักษะที่สำคัญของพวกเขา แนวทางนี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการระบุตัวตนและส่งเสริมบุคลากรที่มีศักยภาพ

คุณสามารถรับรู้ถึงบุคลากรที่มีศักยภาพจากแหล่งที่มาที่หลากหลาย และส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นตอนนี้คุณไม่ได้เพียงแค่ค้นหาบุคลากรที่มีศักยภาพ แต่คุณกำลังพัฒนาพวกเขา สิ่งนี้จะช่วยให้คุณพัฒนาสภาพแวดล้อมที่การเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ดำเนินอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้บริหารอาจคิดว่าพวกเขานำเสนอโปรแกรมการเรียนรู้และพัฒนาที่ยอดเยี่ยม แต่พนักงานอาจมองต่างออกไป พนักงานบางคนอาจไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แม้ว่าจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ส่งผลดีสำหรับอาชีพของตัวเองและบริษัท ในการแก้ไขปัญหานี้คุณจะต้องมีผู้นำเชิงรุกที่มีวิสัยทัศน์และมีการวางแผนที่ดี ดังนั้นผู้นำและผู้จัดการของคุณจะต้องก้าวขึ้นมา สร้างวัฒนธรรมของการเรียนรู้ที่แท้จริงแทนที่จะเป็นเพียงการจัดหาโปรแกรมต่าง ๆ ให้กับพนักงาน นั่นคือกุญแจสำคัญในการปิดช่องว่างและยกระดับทีมของคุณ

 

  1. วัฒนธรรมองค์กร

ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ผู้นำต้องตัดสินใจ คุณต้องตอบให้ได้ว่าทีมของคุณจะทำงานที่ไหนและอย่างไร คุณมีเวลาผ่านมา 4 ปี นับตั้งแต่การเกิดโรคระบาด ตอนนี้คุณน่าจะได้ข้อมูลเพียงพอที่จะรู้แล้วว่าอะไรเหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานของคุณ การทำงานระยะไกลเต็มรูปแบบ การทำงานแบบผสมผสาน หรือให้ทุกคนกลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน

บริษัทหลายแห่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วในปีที่ผ่านมา ตัวเลขจำนวนคนทำงานจากที่บ้านลดลงถึง 28% ในปี 2023 เพียงปีเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณก็คงมีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน ลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าทีมของคุณทำงานอย่างไร อะไรบ้างที่ประสบความสำเร็จ และอะไรบ้างล้มเหลว ในช่วงของการระบาดคุณอาจเปลี่ยนให้พนักงานของคุณให้ทำงานระยะไกล และหลังจากนั้นคุณอาจจะนำการทำงานแบบผสมผสานมาใช้ โดยที่ก่อนหน้านั้นพนักงานส่วนใหญ่ของคุณน่าจะเคยทำงานในสำนักงาน

หน้าที่ของคุณตอนนี้คือการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมด และพิจารณาว่าว่ารูปแบบการทำงานใดเหมาะสมกับบริษัทมากที่สุด จากนั้นจึงกำหนดวัฒนธรรมองค์กรบนพื้นฐานนั้น อย่าลืมว่าวิธีการทำงานของทีมนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการจัดการเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับวิธีที่บริษัทของของคุณจะประสบความสำเร็จในระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับพนักงานของคุณ

 

  1. การบริหารเส้นทางอาชีพและการโยกย้ายภายใน

การเรียนรู้และการพัฒนาเป็นสิ่งจำเป็น สถานที่ทำงานกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป แนวโน้มการลาออกอย่างเงียบ ๆ (Quiet Quitting) ที่เริ่มขึ้นในปี 2020 และเพิ่มสูงสุดในปี 2022 ยังคงไม่หายไปไหน

รายงาน State of the Global Workplace: 2023 ยืนยันว่า 6 ใน 10 ของพนักงานทั่วโลกขาดการมีส่วนร่วมทางจิตใจกับที่ทำงานของพวกเขา ดังนั้นคุณจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุก อย่างไรก็ตาม เหมือนที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ผู้นำและพนักงานมักมองเห็นสิ่งที่ต่างกันออกไป คุณจำเป็นต้องแก้ไขความไม่สอดคล้องนี้ โดยหนึ่งในวิธีที่ทำได้คือการใช้กลยุทธ์การโยกย้ายภายใน เพื่อรักษาให้ทุกคนอยู่ในกระแสของการทำงาน มีส่วนร่วม และมีความสุข และเมื่อกลยุทธ์เหล่านี้สอดคล้องกับหลักการด้านความหลากหลาย ความเสมอภาค การรวมกลุ่ม และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (DEIB) มันจะเป็นผลดีสำหรับทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตามการโยกย้ายภายในไม่ได้หมายถึงการก้าวหน้าในสายงานเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ที่เข้ากับทักษะและความสนใจของตัวเอง ด้วยวิธีนี้หากพนักงานของคุณรู้สึกติดขัดหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับเส้นทางอาชีพของตน พวกเขาจะรู้ว่ามียังทางเลือกอื่น ๆ ในองค์กร

 

 

Author

Earn Thongyam

All stories by: Earn Thongyam

Leave a Reply

Your email address will not be published.