7 เคล็ดลับสำหรับการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กร

ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลก เป็นเครื่องมือล้ำสมัยที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา อย่างไรก็ตามการนำเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการใด ๆ มาใช้จำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่แค่ลองทำไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยรอดูผล
แต่การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามไม่เคยเริ่มต้นจากตัวเทคโนโลยีเอง คุณไม่สามารถบอกให้ทุกคนในธุรกิจของคุณเริ่มทดลองใช้ ChatGPT ทันที เนื่องจากมันมีข้อจำกัดและความท้าทายอยู่จริง ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถให้ทีมขายของคุณอัปโหลดข้อมูลลูกค้าไปยังเครื่องมืออย่าง ChatGPT ได้ เพราะอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
จริงอยู่ที่คุณต้องการให้ผู้คนใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องใช้อย่างชาญฉลาด ใช้ด้วยความรอบคอบ และได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีใหม่นี้ ต่อไปเป็นเคล็ดลับสำหรับการนำ Generative AI ไปใช้ในธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ

1. จำไว้ว่า Generative AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่การแทนที่มนุษย์
Generative AI จะไม่ทำงานแทนเรา แต่มันจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้กระบวนการที่ซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อเป็นไปโดยอัตโนมัติ และช่วยให้เรามีเวลามากขึ้นสำหรับงานที่สำคัญกว่า ดังนั้น Generative AI จะไม่มาแทนที่ความต้องการทักษะเฉพาะของมนุษย์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการสร้างความสัมพันธ์ แต่เราหวังว่ามันจะช่วยให้การทำงานของมนุษย์ดีขึ้น

2. บ่มเพาะวัฒนธรรมและวิธีคิดที่เหมาะสม
การนำ Generative AI ไปใช้ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและวิธีคิด การเปิดรับความอยากรู้อยากเห็น ความถ่อมตน ความสามารถในการปรับตัว และการทำงานร่วมกัน สิ่งเหล่านี้คือแนวคิดแบบ Generative AI
แนวคิดคิดแบบ Generative AI ต้องเริ่มต้นจากผู้บริหารระดับสูงและส่งต่อไปยังพนักงานทุกคนองค์กร ซึ่งหมายความว่าคุณต้องการวัฒนธรรมองค์กรที่ผู้คนต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกสบายใจกับการเปลี่ยนแปลงและความล้มเหลว ไม่กลัวที่จะทดลอง และเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ วัฒนธรรมที่ผู้คนตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า “เราจะสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าได้อย่างไร” “เราจะสร้างคุณค่าให้กับโลกได้อย่างไร” และ “เราจะใช้เทคโนโลยีเพื่อทำเช่นนั้นได้อย่างไร”

3. ลงทุนในทักษะและบุคลากรอย่างเหมาะสม
การมอบหมายงานให้ AI (AI Delegation) ซึ่งเป็นศิลปะในการตัดสินใจว่าเราควรทำอะไรด้วยตัวเองต่อไปและอะไรที่ควรปล่อยให้เครื่องจักรทำงานแทนจะกลายเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง การมอบหมายงานให้ AI ไม่ว่าจะเป็นโดยผู้จัดการหรือพนักงานทั่วไปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก โดยการทำให้กระบวนการทำงานประจำวันเป็นระบบอัตโนมัติ เช่น การป้อนข้อมูล การประมวลผลและวิเคราะห์ การตรวจสอบเอกสาร การจัดกำหนดการและการบริหารเวลา และเช่นเดียวกับการมอบหมายงานรูปแบบอื่น คุณค่าของมันจะอยู่ที่สิ่งที่เราสามารถทำได้ด้วยเวลาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปใช้กับงานที่ต้องการความคิดริเริ่ม ความคิดเชิงกลยุทธ์ การตัดสินใจ และการสร้างความสัมพันธ์
นอกจากนั้นแล้วในแง่ของทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จ คุณต้องการให้ผู้คนพัฒนาทักษะเสริมที่ช่วยให้องค์กรดึงศักยภาพสูงสุดจากทั้งเครื่องจักรและมนุษย์ ซึ่งจะเน้นไปที่ทักษะทางสังคมของมนุษย์มากขึ้น เช่น ความเห็นอกเห็นใจ การตัดสินใจที่ซับซ้อน ความร่วมมือ และการคิดวิเคราะห์ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นส่วนที่มนุษย์ทำได้ดีกว่าเครื่องจักร
แน่นอนว่าคุณจะต้องสร้างความรู้และทักษะด้าน AI ภายในองค์กรด้วยเช่นกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องรับสมัครเฉพาะผู้ที่มีความสามารถด้าน AI เสมอไป สำหรับธุรกิจทั่วไปการยกระดับทักษะของบุคลากรที่มีอยู่และการเป็นพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าถึงบุคลากรด้าน AI

4. พิจารณาแต่งตั้ง Chief AI Officer (CAIO)
CAIO เป็นตำแหน่งระดับคณะกรรมการบริษัทที่มีหน้าที่ส่งเสริมการรับรู้ด้าน AI ให้ดีขึ้นทั่วทั้งองค์กร โดยเฉพาะทีมผู้นำ คอยดูแลกลยุทธ์ AI ขององค์กร และทำให้แน่ใจว่าการใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีจริยธรรมและประสิทธิภาพ
หากองค์กรของคุณไม่สามารถมี CAIO ได้หรือไม่มีบุคคลที่มีความสามารถด้านนี้ในองค์กร การแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เป็นกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร เพื่อช่วยให้คณะกรรมการบริษัทเข้าใจถึงเทคโนโลยี AI และวิธีการนำไปใช้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

5. พิจารณาความต้องการด้านข้อมูลอย่างละเอียด
AI นั้นไร้ประโยชน์เมื่อไม่มีข้อมูล ดังนั้นถ้าคุณยังไม่มีกลยุทธ์ด้านข้อมูลตอนนี้เป็นเวลาที่จะสร้างมันขึ้นมา และถ้าคุณมีอยู่ก่อนแล้วมันก็จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อพิจารณาถึงข้อมูลที่จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จาก AI ให้เน้นที่ข้อมูลที่จะช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ให้คิดถึงอายุการใช้งานของข้อมูลนั้นด้วย แม้ว่าจะมีประโยชน์ในการทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจของคุณในสัปดาห์ที่แล้วหรือปีที่แล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจของคุณในขณะนี้ ดังนั้นจึงต้องวางแผนว่าจะรวบรวมและดำเนินการกับข้อมูลแบบเรียลไทม์หรือใกล้เคียงมากที่สุดได้อย่างไร
อย่าลืมพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างข้อมูลภายในและภายนอกด้วย ข้อมูลภายในองค์กรนั้นมีค่าอย่างยิ่งเพราะมีเพียงธุรกิจของคุณเท่านั้นที่รู้ อย่างไรก็ตามข้อมูลภายนอก เช่น โซเชียลมีเดีย อาจมีประโยชน์อย่างมากเช่นกัน

6. วางกลยุทธ์
Generative AI มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อธุรกิจ ดังนั้นคุณจะต้องทบทวนกลยุทธ์โดยรวมเพื่อให้แน่ใจว่ามันยังคงใช้ได้ผลและปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้อันน่าทึ่งของ Generative AI นั่นหมายความว่าคุณจะต้องตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการดำเนินงานของธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ บริการ และอาจรวมถึงโมเดลธุรกิจพื้นฐานด้วย จากนั้นจึงปรับปรุงกลยุทธ์ธุรกิจของคุณให้สอดคล้องกัน

7. เตรียมพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้พร้อม
มีองค์ประกอบพื้นฐานสามประการที่จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จาก Generative AI ได้อย่างประสบความสำเร็จ หนึ่งคือเครือข่ายและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ในสำนักงานเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการทำงานนอกสถานที่ด้วย สองคือโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล เช่น เทคโนโลยีในการรวบรวม จัดเก็บ และเข้าถึงข้อมูลที่คุณต้องการ และสามคือระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อรักษาธุรกิจของคุณให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น Ransomware, Phishing และ การรั่วไหลของข้อมูล
Generative AI ของคุณจะอยู่บนพื้นฐานที่มั่นคงนั้น คุณสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่มีอยู่ทั่วไป เช่น ChatGPT หรือ GPT-4 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาพื้นฐาน แต่คุณจะต้องพิจารณาผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดให้ตระหนักอยู่เสมอว่าข้อมูลที่คุณป้อนจะถูกนำไปใช้สำหรับการฝึกอบรมโมเดลภาษาและอาจถูกแชร์ให้กับกับผู้ใช้งานรายอื่น หลาย ๆ องค์กรเลือกที่จะสร้าง GPT-4 เวอร์ชันที่ปลอดภัยเป็นของตัวเอง แต่สิ่งนี้อาจไม่สามารถทำได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความเชี่ยวชาญของคุณ
สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ Generative AI ก็คือ มีตัวเลือกมากมายสำหรับบริษัทต่าง ๆ ทั้งที่มีงบประมาณน้อยและที่มีงบประมาณมาก หากคุณต้องการความรู้ภายในองค์กรเพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่าเครื่องมือใดเหมาะสำหรับธุรกิจของคุณ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความสมารถก็ถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่า