หลายบริษัทเตรียมความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรม EV
ในบรรดา 12 อุตสาหกรรม S-curve ที่เป็นแกนหลักของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มักจะอยู่ในรายชื่ออันดับแรก ๆ ที่ถูกพูดถึง รัฐบาลได้เพิ่มความพยายามในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและให้สิ่งจูงใจในการส่งเสริมการผลิตและการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ภาคธุรกิจกระตือรือร้นที่จะนำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาใช้สำหรับการผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่ ด้วยการเพิ่ม EV ในแผนการพัฒนาของบริษัท
เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วคณะกรรมการนโยบาย EV แห่งชาติประกาศว่าต้องการให้ EV มีสัดส่วนเป็น 50% ของรถยนต์ที่ผลิตได้ในประเทศภายในปี 2030 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ระดับภูมิภาค แผนดังกล่าวมีความคืบหน้าขึ้นเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้อนุมัติสิทธิประโยชน์ในการลงทุน ทั้งการลดภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริมการใช้งานและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2022-2023
ภาคธุรกิจเองก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศ โดยผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทพลังงานมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในโครงการพัฒนาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ขับเคลื่อนไปข้างหน้า
ผู้ผลิตภายใต้แบรนด์ MG และ Great Wall Motor (GWM) ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในงานมอเตอร์โชว์เมื่อต้นปีที่ผ่านมากำลังเดินหน้าแผน EV โดยจัดสรรเงินหลายพันล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจ EV ในประเทศไทย โดย MG ได้รับคำสั่งซื้อมากที่สุดในช่วง 12 วัน ของงานมอเตอร์โชว์ รองลงมาคือ GWM ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติจีน
SAIC Motor-CP และ MG Sales (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย ไม่เพียงแต่เน้นการประกอบรถยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญใน EV นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองประธาน MG Sales กล่าวว่าบริษัทได้ลงทุนมากกว่า 2.5 พันล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ EV และกำลังศึกษาวิธีจัดการกับแบตเตอรี่ใช้แล้ว
MG Sales ไม่ใช่บริษัทแรกที่เริ่มหาวิธีจัดการกับแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องการ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นหากผู้ขับขี่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ตัวอย่างเช่น Energy Absolute (EA) บริษัทผู้พัฒนาพลังงานทดแทนและ EV ประกาศก่อนหน้านี้ว่าได้ทำการศึกษาร่วมกับวิศวกรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
ทุกฝ่ายตื่นตัวเต็มที่
รัฐบาลตระหนักถึงความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ EV เมื่อมีจำนวน EV บนท้องถนนเพิ่มขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลาห้าปีแก่บริษัทที่ลงทุนในการพัฒนาสถานีบริการที่มีเครื่องชาร์จอย่างน้อย 40 เครื่อง และ 25% เป็นประเภท DC หรือผู้ลงทุนอาจเลือกที่จะสร้างสถานีชาร์จขนาดเล็กลงเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 3 ปี นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ BOI กล่าว
GWM คู่แข่งสำคัญของ MG กำลังพัฒนาธุรกิจ EV หลังจากประกาศว่าจะใช้เงิน 2.26 หมื่นล้านบาท เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับภูมิภาค รวมถึงศูนย์กลางของการวิจัยและพัฒนา EV ในอาเซียน บริษัทวางแผนที่จะเริ่มการลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่ EV ในปีหน้า และจะเปิดตัว EV คันแรกจากโรงงานประกอบในไทยในปี 2024 นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ GWM (ประเทศไทย) กล่าว
อย่างไรก็ตาม GWM กังวลว่าอุปทานของรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นอย่างน้อยก็ในระยะสั้นอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ขับขี่ได้ โดยปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยืดเยื้อส่งผลให้การผลิต EV ต้องหยุดชะงัก ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทจำเป็นต้องระงับการจอง Ora Good Cat เป็นการชั่วคราว เนื่องจากโรงงานผลิตในจีนได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิปดังกล่าว
รักษาโมเมนตัม
ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นก็กำลังดำเนินการตามขั้นตอนสำคัญในการขยายธุรกิจ EV เพื่อรักษาความนิยมของแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทย
Nissan Motor (ประเทศไทย) ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนว่าบริษัทได้เปิดหน่วยการผลิตแบตเตอรี่แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตแบตเตอรี่สำหรับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยเฉพาะชุดที่ติดตั้งในรุ่น Nissan Kicks
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญของเราในอาเซียน และด้วยการปฏิรูปธุรกิจ Nissan Next เราจะทำให้ประเทศนี้เป็นฐานการผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” Isao Sekiguchi ประธาน Nissan Motor (ประเทศไทย) กล่าว
Mazda Sales (ประเทศไทย) ประกาศในเดือนเดียวกันว่ากำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ในประเทศไทย โดยหวังว่าจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ได้ภายในห้าปี
PHEV และ HEV ที่วิ่งได้ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน เชื่อกันว่ามีศักยภาพในการขายมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (BEV) ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งหมด เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐาน EV ในประเทศไทยยังไม่เพียงพอต่อ การใช้งาน BEV จำนวนมาก Tadashi Miura ประธาน Mazda Sales (ประเทศไทย) กล่าว
บริษัทจากฮิโรชิมานี้ต้องการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากรัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวกับที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่อปีที่แล้วว่าประเทศไทยตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และ Net Zero ภายในปี 2065
Leave a Reply