-
การเข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถ
การเริ่มต้นธุรกิจในปัจจุบันจะประสบความสำเร็จไม่ได้หากขาดบุคลากรที่มีทักษะความรู้และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นผู้ประกอบการและนักลงทุนจึงให้ความสนใจประเทศที่สามารถจ้างแรงงานที่มีความสามารถสูงได้ในราคาที่สมเหตุสมผล และบ่อยครั้งประเทศเหล่านั้นมักจะลงทุนในระบบการศึกษาที่เรียกว่า K-12 และมีมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก พนักงานที่มีฝีมือไม่จำเป็นต้องเป็นคนในพื้นที่ ประเทศที่มองการณ์ไกลต่างยอมรับนโยบายการย้ายถิ่นฐานอย่างชาญฉลาดเพื่อดึงดูดบุคคลที่มีทักษะสูงจากประเทศอื่น ๆ ที่สามารถเปิดตัวและเป็นผู้นำนวัตกรรมทางอุตสาหกรรมในแขนง STEM และแขนงใหม่ ๆ อื่น ๆ
สิงคโปร์ให้ความยุติธรรมในการเข้าถึงแรงงานที่มีฝีมืออย่างไรพูดง่าย ๆ ก็คือ สิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ดีที่สุดในการพัฒนาต้นทุนทางบุคลากรตามรายงานของธนาคารโลก องค์กรระหว่างประเทศหลาย ๆ องค์กร ต่างพิจารณาว่าระบบการศึกษาของสิงคโปร์นั้นดีที่สุดในโลก (เช่น OECD, World Bank และ The Economist) และนักเรียนในระดับมัธยมปลายของสิงคโปร์ก็ถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโครงการ OECD ที่ใช้สำหรับการประเมินนักเรียนนานาชาติ (PISA) ใน 3 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์การอ่านและวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นข้อติติงทั่วไปเกี่ยวกับแรงงานในสิงคโปร์คือการขาด“ ความคิดสร้างสรรค์” ของคนทำงานชาวสิงคโปร์ ซึ่งบางครั้งระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่การแข่งขันแบบเข้มข้นและวัฒนธรรมการเชื่อฟังได้ปลูกฝังความคิดที่มักยึดติดอยู่กับกฎระเบียบซึ่งไปขัดขวางนักเรียนว่าสมองของตนนั้นสามารถสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง โดยทั่วไปชาวสิงคโปร์นั้นจะมีประสิทธิภาพในการทำงานมาก ปฏิบัติตามกฎระเบียบ รับฟังคำสั่ง คำชี้แนะ มีการวางแผนล่วงหน้า มีการบริหารจัดการที่ดีมากและสามารถวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ได้
รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักถึงข้อด้อยเหล่านี้และกำลังดำเนินการปฏิรูปการศึกษาที่จะส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ในขณะเดียวกันสิงคโปร์ก็ยินดีต้อนรับชาวต่างชาติที่มีความสามารถและหวังว่าจะนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ประเทศผ่านความสามารถนี้ สิงคโปร์มีนโยบายการย้ายถิ่นฐานหลายแบบที่ให้ความสำคัญกับบุคคลที่สามารถแสดงประวัติการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ไม่ว่าจะในธุรกิจ หรือในศิลปะ โดยทั่วไปแล้วนโยบายของรัฐ
เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานจะสามารถทำได้อย่างเสรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคลากรต่างชาติที่มีความสามารถ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติจะทำเรื่องขอและรักษาสถานะวีซ่าทำงานไปเรื่อย ๆ ซึ่งสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นผู้พำนักถาวรในประเทศได้ในที่สุดหากธุรกิจประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแค่คุณเท่านั้นที่จะได้รับวีซ่าทำงานเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ พนักงานต่างชาติของคุณสามารถทำได้เช่นกัน ด้วยนโยบายส่งเสริมการย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ทำให้สิงคโปร์สามารถดึงดูดบุคลากรจำนวนมากมาจากทั่วทุกมุมโลก
4. หลักนิติธรรม
ในการสำรวจพบว่าหลักนิติธรรมได้รับการจัดอันดับให้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอันดับสี่และมีเหตุผลที่ดีสำหรับการให้ความสำคัญในเรื่องนี้ผู้ประกอบการต้องการความมั่นใจว่าธุรกิจที่พวกเขาสร้างขึ้น รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขาฝึกพัฒนาขึ้นมา รวมถึงสัญญาที่เจรจาต่อรองในประเทศใหม่จะไม่ถูกพรากไปโดยพลการ ซึ่งประเทศนั้น ๆ จะต้องมีกฎหมาย มีสถาบัน และกระบวนการที่เข้มแข็งเพื่อให้แน่ใจในเรื่องการมีเสถียรภาพ และหลักธรรมาภิบาลที่ปราศจากการคอร์รัปชั่นและมีความยุติธรรมที่เท่าเทียมและเป็นธรรมสำหรับทุกคน ทั้งภาคบุคคลและธุรกิจ
“หากไม่มีกฎที่ดีและคาดเดาได้ การทำธุรกิจในประเทศนั้น ๆ จะมีความเสี่ยงมาก หลักนิติธรรมจะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าทุกคนสามารถลงสนามแข่งได้อย่างเท่าเทียมกัน จะไม่มีปัญหาเรื่องเส้นสายทางการเมือง ทุกคนและทุกธุรกิจทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน” Volodymyr Y.ผู้ประกอบการจากยูเครนกล่าว (มีการเปลี่ยนชื่อตามคำขอของผู้เข้าร่วม) “สำหรับฉันเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเพราะนี่ไม่ใช่กรณีที่เกิดในยูเครนบ้านเกิดของฉัน จากประสบการณ์ส่วนตัวฉันรู้ว่ามันเสียเวลาแค่ไหนกับความไม่แน่นอน และการตัดสินใจทางธุรกิจนั้นยากเพียงใด มันทำให้ฉันรู้สึกโกรธที่ตัวระบบ นั่นคือเหตุผลที่ฉันเบื่อหน่ายและอยากที่จะย้ายฐานการลงทุนไปที่อื่น”
สิงคโปร์ให้ความเสมอภาคตามหลักนิติธรรมอย่างไร?
คุณ Volodymyr ควรมุ่งมาที่สิงคโปร์อย่างจริงจัง เพราะระบบกฎหมายของสิงคโปร์เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และเป็นกลาง รวมทั้งได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการทุจริตน้อยที่สุดในโลกเป็นอันดับสี่
การคอร์รัปชั่นได้ถูกจำกัดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศ เนื่องจากมาตรฐานทางศีลธรรมที่กำหนดและมีตัวอย่างที่ดีจาก ลีกวนยิว ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศ จากการออกแบบกฎอย่างรอบคอบ ทำให้แรงจูงใจในการรับสินบนของรัฐบาลหรือการกระทำผิดอื่น ๆ อยู่ในระดับต่ำ นักเรียนชั้นนำจะถูกคัดเลือกให้ทำงานราชการและมีรายได้ที่สูง เพื่อที่พวกเขาจะไม่ติดกับดักของสินบนหรือความช่วยเหลือที่ผิดกฎหมาย สำหรับผู้ที่กระทำผิดจะมีการลงโทษอย่างเข้มงวดซึ่งจะช่วยลด พฤติกรรมการทุจริตได้มากขึ้น
ระบบกฎหมายของสิงคโปร์มีการคุ้มครองกฎหมายสัญญาอย่างเข้มงวด ตัวกฎหมายมีการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดโดยศาลและศาลยุติธรรมซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกในเรื่องความเป็นกลาง ความมีคุณภาพ ความเป็นธรรม และปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงระบบกฎหมายที่บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งมักจะเลือกใช้กฎหมายสิงคโปร์กับสัญญาของตนร่วมกันแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศก็ตาม
5.การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (IP)
ทรัพย์สินทางปัญญานับเป็นทรัพย์สินที่สำคัญสำหรับบริษัทที่อยู่ในสาขานวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับนักลงทุน บริษัทที่มีพอร์ตโฟลิโอในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่งคือบริษัทที่ควรค่าแก่การลงทุน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่สามารถปรับเปลี่ยนและสามารถใช้ในการประเมินมูลค่าของบริษัทได้ ทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อและโลโก้บริษัท การออกแบบอุตสาหกรรม สิ่งประดิษฐ์ในรูปแบบของสิทธิบัตร ผลงานที่สร้างสรรค์ หรือเครื่องหมายการค้าที่ทำให้ธุรกิจของคุณแตกต่าง อาจเป็นทรัพย์สิน IP ของคุณ ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ต้องได้รับการปกป้องและดูแล
สิงคโปร์ยืนอยู่ตรงจุดไหนในเรื่องการคุ้มครองและบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา?
ตาม International IP Index นี้ สิงคโปร์เป็น 1 ใน 10 ประเทศแรกของโลกรัฐบาลสิงคโปร์ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง จึงทำให้สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านแผนแม่บท IP Hub ของรัฐบาลสิงคโปร์ในการปกป้องลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาด้วยกรอบกฎหมายที่ทันสมัย สำหรับใช้คุ้มครองสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ความลับทางการค้าและการคุ้มครองการออกแบบทางอุตสาหกรรม ลิขสิทธิ์ทั้งหมดนี้ได้บังคับใช้โดยระบบกฎหมายที่มีประสิทธิภาพของสิงคโปร์ และบริษัทต่างชาติหลายแห่งที่ต้องมีการป้องกัน IP ก็ยิ่งให้ความสำคัญ (เช่น Microsoft, Facebook, Google และ Instagram) และได้เลือกสิงคโปร์เนื่องจากการคุ้มครองเหล่านี้
Leave a Reply