fbpx
Risky Business - Crypto

Cryptocurrency การลงทุนที่มีแต่ ‘ความเสี่ยง’

1024 576 Content Writer

จำนวนเงินลงทุนมหาศาลและนักเทรดหน้าใหม่กำลังหลั่งไหลเข้าไปในตลาด Cryptocurrency ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่กำกับควบคุมต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดและพยายามจะทำให้บรรดานักลงทุนรุ่นใหม่ตาสว่างในเรื่องพฤติกรรมอันสุ่มเสี่ยงของพวกเขาเองที่มีต่อผลตอบแทนที่ขึ้น ๆ ลง ๆ รวมไปถึงการจำกัดผู้ที่จะลงมาเล่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ตลาด Cryptocurrency ในประเทศไทยนั้นเพิ่งได้รับความนิยมในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาด้วยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาในตลาดถึง 500,000 ราย ซึ่ง 3% ของจำนวนดังกล่าวคือนักลงทุนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี

 

สิ่งนี้ส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างกังวลว่า ผู้ใหญ่ที่อายุยังน้อยเหล่านี้นั้น มีความรู้และกึ๋นในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง Cryptocurrency นี้หรือไม่

 

จากการที่ราคาของ Bitcoin ได้เพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมาดึงดูดให้หลาย ๆ คนกระโดดเข้ามาจับCryptocurrency เนื่องจากความน่าดึงดูดที่ยากต่อการเพิกเฉย  มูลค่าของ Bitcoin นั้นกระโดดจาก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ในช่วงต้นปี 2020 มาเป็น 33,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ในช่วงปลายปีที่แล้ว แถมยังเคยพุ่งไปแตะที่ราคา 50,000 ดอลลาร์มาแล้วในเดือนที่ผ่านมา ซึ่ง Cryptocurrency ในสกุลอื่น ๆ อย่าง ethereum และ litecoin ก็มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกัน

 

มาไว ไปไว

ถึงแม้ว่านักลงทุนจะสามารถหา bitcoin หรือ Cryptocurrency สกุลอื่น ๆ ได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การขุด” ที่ใช้คอมพิวเตอร์ขั้นสูงเพื่อแก้ไขปริศนาที่ได้กำหนดไว้ ถ้าสามารถแก้ได้ก็จะค่อย ๆ ทยอยได้ Cryptocurrency ใหม่ ๆ เป็นค่าตอบแทน แต่วิธีการที่ง่ายที่สุดคือการซื้อสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

 

มีศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกกว่า 300 แห่งที่คุณสามารถไปเปิดบัญชีเพื่อทำการเทรดได้ และมี 7 แห่งในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองและการกำกับดูแลจากทาง ก.ล.ต.

 

การเปิดบัญชีโดยผ่านนายหน้าตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนจะต้องผ่านกระบวนการการตรวจสอบคุณสมบัติที่พึงมีเสียก่อน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขานั้นคุ้นเคยอยู่ในตลาดหุ้นอยู่แล้ว เพียงแต่ปิดบัญชีสำหรับการเทรดดิจิทัลไว้เป็นอีกทางเลือกเพื่อเปรียบเทียบกัน ซึ่งนักลงทุนจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องมีอายุตามที่กำหนด มีรายได้และประวัติทางการเงินที่สามารถตรวจสอบได้ ก็สามารถสมัครได้ทางกระบวนการตรวจสอบบนแฟลตฟอร์มออนไลน์

 

รูปแบบจะไม่เหมือนกับความปลอดภัยตามธรรมเนียมปฏิบัติ เพราะการซื้อ Cryptocurrency นั้นง่ายกว่ามากเนื่องจาก Bitcoin ทุก ๆ เหรียญนั้นจะสามารถแบ่งแยกย่อยไปได้อีก 8 จุด หรือเป็นร้อยล้านส่วน ซึ่งทำให้ผู้ที่ถือครองนั้นสามารถถือได้ในสัดส่วนที่ยิบย่อยลงไปอีก โดยที่สามารถเทรดในมูลค่าเพียงน้อยนิดอย่างเช่น 10 บาท

 

ความยั่วยวนใจจากการได้กำไรมาโดยง่ายของ Cryptocurrency นั้นเนื่องมาจากการที่ราคาถูกลากขึ้นไปในช่วงตลาดกระทิง (ตลาดหุ้นขาขึ้น) ซึ่งทำให้นักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่พากันแห่เข้าไปอยู่ในตลาด Cryptocurrency เป็นสาเหตุให้เกิดความหนาแน่นของข้อมูลผู้สมัครในกระบวนการยืนยันตัวตน (know your customer process) รวมไปถึงส่งผลให้ระบบชั่วคราวหลาย ๆ ระบบของศูนย์การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศต้อง shutdown เพราะสาเหตุนี้

 

ความผิดพลาดของระบบและการหลั่งไหลเข้ามาของนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากเป็นสัญญาณเตือนให้ทาง ก.ล.ต. จำเป็นต้องกำหนดคุณสมบัติของนักเทรด Cryptocurrency ขึ้นมา

 

risky business

 

ความเสี่ยง หรือ รางวัล?

จากสิ่งที่ผู้ช่วยเลขาธิการสายระดมทุน จาก ก.ล.ต. นางสาว จอมขวัญ คงสกุล  ได้เคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครรู้มูลค่าที่แท้จริงของ Cryptocurrency เพราะบางครั้งราคามีการสวิงขึ้นลงตามความคิดเห็นของผู้มีอิทธิพลทางการเทรดอย่าง อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla  ผู้ซึ่งมีการแสดงความเห็นต่อสาธารณะและบ่อยครั้งส่งผลให้ราคาของ  Bitcoin มีความผันผวนอย่างรวดเร็ว

 

การที่ Cryptocurrency นั้นไม่มีเพดานสูงสุด และจุดต่ำสุดจึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความถูกต้องที่ควรจะเป็น และการที่ราคาต่อวันมีการผันผวนอยู่ที่ 20-50% นั้น ก็กลายเป็นความหวือหวาที่เป็นปกติไปแล้วเนื่องจากปริมาณการเทรดนั้นมีปัจจัยพื้นฐานมาจาก supply และ demand

 

ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ (2018-2020) ขนาดของสินทรัพย์ดิจิทัลได้อยู่ที่ สี่แสนล้านดอลลาร์ หนึ่งแสนสามหมื่นล้านดอลลาร์ และ สองแสนล้าน ดอลลาร์ ตามลำดับ แต่ตลาดในปีนี้นั้น ข้อมูลอ้างอิงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ มูลค่าก็ได้ขยายตัวมาที่หนึ่งแสนล้านดอลลาร์แล้ว

 

มีปัจจัยอยู่สองสามข้อที่เป็นสาเหตุว่าทำไม Bitcoin จึงสามารถดึงดูดใจผู้คนได้ในช่วงนี้

 

ประการแรก บรรดานักลงทุนต่างก็แสวงหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนงามในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และมีสภาพคล่องในระบบตลาดโลก

 

ประการที่สอง จากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ และธนาคารกลางอื่น ๆ ทั่วโลก ที่มีมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ค่าเงินยูเอส ดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการพยายามเข้ามาช่วยฟื้นฟูสภาวะเงินเฟ้อ จากมาตรการการพิมพ์ธนบัตรอย่างล้นหลามในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ Bitcoin นั้นกลายเป็นรูปแบบกองทุนที่ช่วยแบ่งเบาในเรื่องความเสี่ยงของการอ่อนค่าลงของสกุลเงินต่าง ๆ

 

ประการสุดท้าย ราคาของ Bitcoin ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขึ้นลงของมูลค่าสินทรัพย์แบบเดิม ๆ  ดังนั้นบรรดานักลงทุนเลยต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงในการลงทุน

 

การเข้ามาของ ก.ล.ต.

จากร่างกำหนดของทาง ก.ล.ต. ในเรื่องประชาพิจารณ์ ว่าด้วยเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับผู้ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาด Cryptocurrency ยกตัวอย่างเช่น จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านบาทต่อปีนั้น

 

นักลงทุนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือ ผู้ที่ทำแบบทดสอบไม่ผ่านสามารถลงทุนในกองทุน หรือ ลงทุนใน Stable coin ได้ ซึ่ง Stable coin นี้เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดการผันผวนของมูลค่าเงินดิจิทัล  เงินกระดาษ หรือการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์

 

การทำประชาพิจารณ์ในเรื่องคุณสมบัติของนักเทรดนั้น ได้วางกำหนดการไว้ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึง 27 มีนาคม ซึ่งผลที่ได้นั้นจะถูกส่งต่อไปยังบอร์ดบริหารของทาง ก.ล.ต. เพื่อทำการพิจารณาและดำเนินการต่อไป

 

การทำประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ทำให้เกิดผลตอบรับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทาง ก.ล.ต. เองนั้นได้รับคำตอบมากถึง 65,000 รายต่อวัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดเรื่องรายได้ที่สูงขนาดนั้น เพราะจะปิดโอกาสในการลงทุนของนักลงทุนชาวไทยระดับกลางไปจนถึงระดับล่าง ในตลาด Cryptocurrency

 

ทางด้านหน่วยงานที่เข้ามากำกับดูแลเองนั้นก็ได้กำหนดวันหารือกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ในวันที่ 24 มีนาคม เพื่อฟังมุมมองของพวกเขาก่อนที่จะเริ่มออกกฎหมายใหม่สำหรับการลงทุน

 

นางสาวจอมขวัญได้กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามากำกับดูแลในเรื่องดังกล่าวทั่วโลก โดยทั่วไปนั้นพยายามหาตัวช่วยที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน ตัวอย่างเช่น ฮ่องกง ซึ่งกำลังทำการสำรวจในเรื่องเกณฑ์ต่ำสุดของผู้ที่จะเข้ามาลงทุน

 

ทาง ก.ล.ต. นั้นไม่เพียงแต่เข้ามาดูแลนักลงทุนเท่านั้น แต่เข้ามาดูแลการลงทุนทั้งระบบของ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งเจ็ดแห่งที่อยู่ในความดูแล ตลาดแลกเปลี่ยนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีความแข็งแกร่งและมีมาตรฐาน platform ที่เทียบเท่าระดับนานาชาติ กล่าวคือ สามารถอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้แก่นักลงทุนได้โดยที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงจนเกินไป

 

ในขณะที่นักลงทุนที่ทำการเทรดกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนอกประเทศนั้น ควรที่จะระมัดระวังในเรื่องการถูกหลอกมากกว่า

 

อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติและคุณสมบัติที่จะถูกกำหนดขึ้นในร่างการเทรด Cryptocurrency นั้นไม่ควรที่จะมีการปิดกั้นที่มากจนเกินไป สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย นายเอกลาภ กล่าว

 

นายเอกลาภกล่าวว่าสิ่งที่เขากังวลก็คือ ถ้าหากร่างฉบับนี้กำหนดให้นักลงทุนต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี จะยิ่งส่งผลให้นักลงทุนพากันไปลงทุนในตลาดที่ไม่ได้อยู่ในความดูแล ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวนักลงทุนเอง

 

และกฎข้อนี้จะยิ่งทำให้มีการไหลออกของเงินทุนที่มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลกระทบและเป็นอุปสรรคในการเป็นศูนย์กลางของการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยในระยะยาว นายเอกลาภกล่าว

Author

Content Writer

All stories by: Content Writer

Leave a Reply

Your email address will not be published.