3 วิธีในการสรรหาและรักษาพนักงานที่มีความสามารถสำหรับบริษัทขนาดเล็ก

3 วิธีในการสรรหาและรักษาพนักงานที่มีความสามารถสำหรับบริษัทขนาดเล็ก

การระบาดของโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการทำงานมากมาย ตั้งแต่การทำงานแบบผสมผสานไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำงานร่วมกันระยะไกล แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและทัศนคติของพนักงาน ซึ่งหลายคนกำลังประเมินเป้าหมายการทำงานของตัวเองอีกครั้ง และบางคนก็ลาออกจากที่ทำงานที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตนได้อีกต่อไป

จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2021 จำนวนผู้ลาออกจากงานทำสถิติสูงสุดที่ 4.5 ล้านคน เป็นครั้งแรกที่สมดุลระหว่างนายจ้างและลูกจ้างกำลังเปลี่ยนไป นายจ้างไม่ได้มีอำนาจทั้งหมดอีกต่อไป และผู้บริหารในอุตสาหกรรมต่าง ๆ พยายามดิ้นรนเพื่อหาวิธีดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ สำหรับบริษัทที่กำลังประเมินความต้องการด้านบุคลากรและวัฒนธรรมองค์กรใหม่ในปี 2022 กลยุทธ์ทั้งสามนี้จะช่วยให้พวกเขาไม่เพียงแค่อยู่รอดในการลาออกครั้งใหญ่ แต่ยังสร้างบริษัทที่มุ่งเน้นที่พนักงานซึ่งสามารถรักษาผู้ที่มีความสามารถระดับสูงไว้และเติบโตได้ในระยะยาว

1. ลงทุนในการเพิ่มทักษะและการพัฒนาวิชาชีพ

พนักงานที่มีประสิทธิภาพสูงให้ความสำคัญกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาถูกท้าทายและมีโอกาสเติบโตอย่างมืออาชีพ ด้วยตลาดงานที่มีการแข่งขันสูงขึ้น บริษัทต่าง ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานที่มีค่าที่สุดของพวกเขามีโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา การพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมขั้นพื้นฐานเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับพนักงานในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและทำความคุ้นเคยกับซอฟต์แวร์ สามารถใช้งานระบบอัตโนมัติกับงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ และช่วยให้พวกเขาจัดการกับลูกค้า รวมถึงทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานด้านเทคนิคได้ดีมากขึ้น

โครงสร้างที่พนักงานสามารถฝึกสอนซึ่งกันและกันได้ก็มีความสำคัญ ตัวอย่างเช่น โครงการฝึกงานเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการจ้างพนักงานที่มีความสามารถซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ พร้อมกับให้โอกาสสมาชิกในทีมที่มีประสบการณ์ในการโค้ชและให้คำปรึกษา

นี่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก บางครั้งโอกาสที่ดีสำหรับการเพิ่มพูนทักษะและการพัฒนานั้นก็ฟรี ซึ่งมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ นอกเหนือจากการจัดหาทรัพยากรที่มีคุณค่าสำหรับการเรียนรู้และการพัฒนาให้กับพนักงานแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องมีโอกาสให้พนักงานได้ใช้ทักษะใหม่ ๆ นั้น หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมสิ่งนี้คือการปลูกฝังเรื่องของ “การรับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด” เป็นเรื่องสำคัญที่พนักงานจะต้องรู้สึกสบายใจที่จะนำเสนอและทำงานกับความคิดริเริ่มใหม่ ๆ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดก็ตาม เมื่อเรายินดีกับทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว พนักงานจะรู้สึกสบายใจกับการใช้ทักษะใหม่ ๆ ของตนและพยายามมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของธุรกิจมากขึ้น

2. ตอบแทนพนักงานเมื่อบริษัทเติบโต

พนักงานให้ความสำคัญกับการเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของบริษัทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นของธุรกิจ บริษัทควรมอบหุ้นให้เป็นส่วนสำคัญของผลตอบแทน และเมื่อพนักงานมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็ควรให้โอกาสพวกเขาในการได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติม

แม้ว่าจะมีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่รวมเอาหุ้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของผลตอบแทน แต่บริษัทหลายแห่งก็ดำเนินการในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกัน ซึ่งอาจทำให้พนักงานสับสนหรือบังคับให้ต้องตัดสินใจเรื่องการเงินที่ยากลำบาก ตัวอย่างเช่น บริษัทส่วนใหญ่ที่ให้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นแก่พนักงานต้องการให้พนักงานใช้สิทธิ์นั้นทันทีหลังจากออกจากบริษัท ซึ่งการใช้สิทธิ์โดยไม่มีสภาพคล่องอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการมีส่วนร่วมกับธุรกิจ เพื่อแก้ปัญหานี้หลายบริษัทได้เริ่มมีการขยายกรอบเวลาการใช้สิทธิ์เป็น 10 ปี สำหรับพนักงานที่อยู่กับบริษัทอย่างน้อย 2 ปี

นอกจากนี้บริษัทยังจำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับพนักงานให้ชัดเจนเกี่ยวกับแผนและสิ่งที่อาจส่งผลต่อมูลค่าหุ้นของบริษัท MailChimp เพิ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากการที่ไม่ให้หุ้นกับพนักงานและบอกว่าพวกเขาไม่มีแผนที่ขายกิจการ เมื่อ MailChimp ถูกซื้อโดย Intuit ด้วยมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ พนักงานก็ไม่พอใจเพราะรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้เข้าใจผิด บริษัทที่กำลังเติบโตซึ่งไม่ได้มีแผนขายกิจการหรือเสนอขายหุ้นอาจพิจารณาการแบ่งปันผลกำไรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการให้รางวัลแก่พนักงานสำหรับผลงานของพวกเขา

3. รางวัลไม่ใช่เพียงแค่ตัวเงิน

หลายบริษัทล้มเหลวในการรับรู้ถึงผลงานที่โดดเด่นของพนักงานอย่างเพียงพอ จากการศึกษาในปี 2018 พบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีแผนจะออกจากงานระบุว่ามีสาเหตุมาจากการขาดการยอมรับ และด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านสถานที่ทำงานเนื่องจากการเกิดโรคระบาด การรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมของพนักงานจึงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก

สิ่งที่ใช้ได้ผลดีที่ OneSignal คือการฉลองให้กับงานของทีมในทุก ๆ วัน พนักงานถูกสนับสนุนให้รับรู้ถึงผลงานของเพื่อนร่วมงานผ่าน Slack ของบริษัท มีการชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จที่สำคัญและวันครบรอบการทำงานในการประชุมร่วมกันทุกสัปดาห์ และมีผู้จัดการที่คอยให้การยอมรับในเชิงบวกเป็นส่วนสำคัญของบทบาทของพวกเขา

เหมือนกับที่การได้รับการยอมรับในเชิงบวกเป็นรางวัลที่จำเป็น ฟีดแบ็กเชิงสร้างสรรค์จากผู้จัดการก็เป็นรางวัลเช่นกัน ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนและรวดเร็วช่วยให้พนักงานรู้สึกดีกับผลงานของตัวเอง และทำให้พวกเขามีความรู้และการสนับสนุนที่ดีพร้อมสำหรับการพัฒนา

พนักงานที่อาวุโสที่สุดบางคนเริ่มต้นจากบทบาทเล็ก ๆ และอยู่กับบริษัทตั้งแต่ตอนที่มีพนักงานเพียงไม่กี่คน เมื่อมองย้อนกลับไปมันชัดเจนว่าการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการยกย่อง ความเป็นเจ้าของในธุรกิจผ่านสิทธิ์ในการซื้อหุ้น และโอกาสที่หลากหลายสำหรับการพัฒนาทางวิชาชีพเป็นกุญแจสำคัญในการสรรหาและรักษาผู้ที่มีความสามารถในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงขึ้น