fbpx
Hopeful investing with a post-Covid recovery theme

ความหวังของนักลงทุนในช่วงฟื้นตัวหลังโควิด

1000 667 Content Writer

โควิด-19 ระลอกที่ 3 ในประเทศไทยนั้นมีผลกระทบรุนแรงกว่าที่คาด โดยตั้งแต่เดือนเมษายนมีผู้ป่วยใหม่มากกว่า 2,000 รายต่อวัน ซึ่งจำนวนมากมาจากคลัสเตอร์ตลาดและสถานที่ก่อสร้าง ขณะที่การระบาดในเรือนจำดูเหมือนว่าจะควบคุมได้แล้ว แต่ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อในหมู่นักโทษมากกว่า 22,000 ราย โดยกรุงเทพฯ ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่งเกือบ 1,000 รายต่อวัน ทำให้รวมการระบาดระลอกที่ 3 มีผู้ติดเชื้อมากถึง 161,000 ราย และเสียชีวิตรวม 1,308 ราย เฉลี่ย 30-40 รายต่อวัน ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

แต่ก็ยังมีเหตุผลที่จะมีความหวังเมื่อเริ่มมีการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายน โดยมีอัตราการฉีดประมาณ 400,000 โดสต่อวัน ซึ่งมีความสำคัญเนื่องจากน่าจะเพียงพอสำหรับ 70% ของประชากรที่จะได้รับการฉีดวัคซีนภายในสิ้นปี

ระดับ 70% นั้นมีผลต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยว โดยจะเริ่มจากบางจังหวัดในปีนี้และเปิดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2565

ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกนั้นทะลุ 175 ล้านราย และเสียชีวิต 3.9 ล้านราย แต่สถานการณ์ถือว่าดีขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลงในช่วงต้นเดือนมิถุนายนเหลือ 300,000 รายต่อวัน จากเกือบ 900,000 รายต่อวัน ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

การกระจายวัคซีนทั่วโลกในวงกว้างจำนวนมากกว่า 2 พันล้านโดส ในปัจจุบันเป็นกุญแจสำคัญในการลดอัตราการติดเชื้อลง แต่มีข้อสังเกตที่สำคัญคือในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่เริ่มฟื้นตัว การฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างช้าของประเทศไทยอาจทำให้การฟื้นตัวใช้เวลานานขึ้น

 

Hopeful investing with a post-Covid recovery theme

 

ชะลอการฟื้นตัว

จากผลกระทบของการระบาดระลอกที่ 3 ที่ยังคงมีอยู่มากในประเทศไทย ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2564 เพิ่มขึ้น โดยก่อนหน้านี้คาดว่าการฟื้นตัวจะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากนั้นได้มีการปรับการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นช่วงต้นไตรมาสที่ 4 แต่จากสถานการณ์ตอนนี้อย่างเร็วที่สุดน่าจะเป็นช่วงต้นปี 2565

แม้ว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนทำให้มีความหวังเพิ่มขึ้น แต่อัตราการติดเชื้อโควิดที่สูงอย่างต่อเนื่องทำให้การคาดการณ์การเติบโตของ GDP สำหรับปีนี้ลดลงเป็น 2.0% จากก่อนหน้านี้ที่ 2.7% อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังคงมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหา โดยให้เงินช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและเงินให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสนับสนุนให้ธนาคารพักหรือเลื่อนการชำระหนี้แก่ผู้กู้ที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อหันไปดูที่ตลาดหุ้น ตลาดโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี Dow Jones และ S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง และแม้ว่าจะมีการย่อตัวลงบ้างเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ค่าเฉลี่ยยังดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดือนพฤษภาคม ส่วนในประเทศไทย SET มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1,600 จุด ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนและยังคงระดับอยู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นักลงทุนกำลังตั้งตารอถึงช่วงฟื้นตัวและมองหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก

มีการลงทุนที่น่าสนใจในหลายภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฟื้นตัวหลังโควิด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยยังคงสูงกว่า 1 แสนล้านบาทต่อวัน และยังมีแรงสนับสนุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิในเดือนมิถุนายนที่ 5.8 พันล้านบาท ซึ่งอาจดูน้อยแต่ก็ดีขึ้นกว่าในช่วง 5 เดือนแรกที่มีการขายสุทธิกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท

การเร่งฉีดวัคซีนช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนและตลาด คาดการณ์ว่าในช่วงนี้ SET จะซื้อขายกันในกรอบ 1,590 ถึง 1,640 จุด โดยบริษัทที่น่าสนใจได้แก่ Singha Estate (S), CP All (CPALL), Central Pattana (CPN) และ Sri Trang Gloves (STGT) ซึ่งสอดคล้องกับธีมการฟื้นตัวหลังโควิด-19 หรือมีแนวโน้มที่จะแสดงผลกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลัง

ธุรกิจของ S ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดระลอกที่ 2 และ 3 จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าลดลงมากกว่า 30% ในช่วงต้นเดือนมกราคม และสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นจนถึงเดือนพฤษภาคม การโฆษณาจาก VGI ซึ่งเป็นธุรกิจด้านสื่อของบริษัท ก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกันจากการบริโภคที่ลดลงและภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

อย่างไรก็ตามดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สถานการณ์ดูดีขึ้นเมื่อการฉีดวัคซีนยังคงดำเนินต่อไป อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นจะช่วยให้ผู้คนสามารถกลับไปทำงานและธุรกิจต่าง ๆ กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ มีผลให้การเดินทางและการบริโภคภายในประเทศกลับคืนสู่สภาพเดิม

เช่นเดียวกับ CPALL การอยู่บ้านและทำงานจากที่บ้านในช่วงของการระบาดส่งผลกระทบต่อการเข้าร้าน 7-Eleven ของบริษัท ดังที่เห็นได้จากยอดขายของสาขาเดิมที่ลดลง 17% เทียบเป็นรายปีในไตรมาสแรก เมื่อรวมกับผลประกอบการที่แย่ลงของ Tesco Lotus ที่พึ่งเข้าซื้อกิจการไปเมื่อเร็วๆ นี้ ส่งผลให้กำไรรายไตรมาสของ CPALL ลดลงมากกว่า 50%

แต่ในทางกลับกัน CPALL จะเป็นผู้รับผลประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าเมืองต่าง ๆ ในประเทศไทยจะยังไม่มีการล็อกดาวน์ในขณะนี้ แต่ความกลัวต่อโควิดยังคงจำกัดการใช้จ่ายและทำให้คนจำนวนมากอยู่บ้าน ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ห้างสรรพสินค้าและสำนักงานต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก

 

จับตามองพื้นที่ห้างสรรพสินค้า

อย่างไรก็ตาม CPN ได้เปิดพื้นที่ว่างในห้างสรรพสินค้าเพื่อใช้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการใช้พื้นที่เป็น 40-50% เกือบสองเท่าของช่วงล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้บริษัทยังยืนยันว่ากำลังดำเนินการเปิดห้างสรรพสินค้าใหม่ 2 แห่งในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้แนวโน้มโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง

สุดท้าย STGT ในฐานะผู้ได้ผลประโยชน์โดยตรงจากการระบาดของโควิด-19 ผู้ผลิตถุงมือยางสำหรับใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมอื่น ๆ รายงานผลกำไรประจำไตรมาสที่ทำสถิติสูงสุดใหม่กว่า 1 พันล้านบาท ในไตรมาสแรก และคาดว่าบริษัทจะยังคงมีความต้องการสูงแม้ว่าขณะนี้กำลังมีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก

นอกจากนี้การใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่หลังโควิดจะทำให้ถุงมือยางมีความต้องการสูง สำหรับปี 2564 ตลาดคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเกือบ 250% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีอัตราเงินปันผลมากกว่า 10%

 

Author

Content Writer

All stories by: Content Writer

Leave a Reply

Your email address will not be published.