การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์กลุ่มเป้าหมายแบบเรียลไทมม์
ในทศวรรษหน้าเราจะเห็นซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูงถูกใช้ในการประมวลผลข้อมูลของลูกค้าจำนวนมหาศาล ช่วยให้องค์กรสามารถถอดรหัสของการบริโภครูปแบบใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงคาดการณ์ว่ามันจะมีการพัฒนาต่อไปอย่างไร
นี่คือจุดที่การเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดผ่านการใช้ AI และ Big Data จะมีบทบาทสำคัญในระหว่างการวางแผนแคมเปญการตลาด ความสามารถในการใช้ประโยชน์แบบเรียลไทม์ผ่านการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ได้ดีขึ้นว่าแคมเปญจะประสบความสำเร็จเพียงใด
การรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคตามความต้องการและวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำทำให้ธุรกิจสามารถติดตามและตรวจสอบความสำเร็จของแคมเปญ ปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ และพัฒนาความพยายามในการปรับเปลี่ยนสินค้าหรือบริการให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้มากขึ้น
การจัดการคอนเทนต์ดิจิทัลส่วนบุคคล
แม้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน AI สำหรับช่วยสร้างคอนเทนต์ดิจิทัล แต่ความต้องการยังคงมีอยู่อีกมากสำหรับการจัดการเนื้อหาที่เฉพาะกับแต่ละบุคคล
การพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนนี้จะทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่า ไม่ใช่เพียงแค่สร้างคอนเทนต์ดิจิทัลตามพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือตลาดเป้าหมายได้เท่านั้น แต่ฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังสามารถจัดการคอนเทนต์แยกตามแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงเพื่อจัดการกับข้อมูลและการติดตามผล
ความพยายามเหล่านี้สร้างความสามารถให้กับนักการตลาดและองค์กรต่าง ๆ ในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้อง การใช้ช่องทางเหล่านี้อย่างเพียงพอจะช่วยให้ข้อความของนักการตลาดปรากฏต่อผู้คนที่เหมาะสมในเวลาและช่องทางที่เหมาะสม สร้างผลลัพธ์ที่วัดได้มากขึ้น ปรับกลยุทธ์ให้ทันกับคู่แข่ง พร้อมกับการดำเนินการที่แม่นยำยิ่งขึ้น
การสนับสนุนและบริการลูกค้าแบบอัตโนมัติ
การเปลี่ยนแปลงที่กำลังดำเนินไปสู่โลกดิจิทัลทำให้เกิดความต้องการด้านการบริการลูกค้าในแง่มุมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงที่เกิดโรคระบาดองค์กรต่าง ๆ ได้นำ Chatbot และแพลตฟอร์มการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีมาใช้ ช่วยให้บริการลูกค้าได้อัตโนมัติจากการใช้งานออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
แม้ว่าการบริการลูกค้าแบบอัตโนมัติจะถูกมองว่าช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและธุรกิจ โดยงานวิจัยระบุว่า 68% ของผู้ใช้ออนไลน์ชอบความเร็วที่ Chatbot ตอบสนองต่อคำถามของพวกเขา แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ประมาณ 60% ยังคงกังวลเกี่ยวกับความจริงที่ว่ามันไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด สิ่งนี้ทำให้เกิดกำแพงระหว่างลูกค้าและธุรกิจ อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสในการแก้ปัญหาเรื่องช่องทางการสื่อสารสำหรับนักการตลาดดิจิทัลเช่นกัน
ด้วยการตอบกลับแบบอัตโนมัติทำให้ตอนนี้องค์กรสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหาและตอบสนองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ที่ดีไปกว่านั้นคือมันช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าใจถึงลูกค้าของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากบทสนทนาโต้ตอบกับ Chatbot
การประมวลผลเสียงและภาษาธรรมชาติ
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเทคโนโลยีรู้จำเสียงพูด (Voice Recognition) นั้นมีอยู่มากมาย และเราได้เห็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AIเช่น Alexa และ Siri อาจช่วยปรับปรุงการใช้ภาษาธรรมชาติในแคมเปญการตลาดให้ดียิ่งขึ้น ทำให้องค์กรมีความสามารถในการเข้าใจภาษาที่ลูกค้าใช้และวิธีที่พวกเขาโต้ตอบกับข้อความเหล่านี้
การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยเสียงกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าออปชั่นเสริม และเมื่อใช้งานพร้อมกับแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ นักการตลาดสามารถประเมินได้ว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้พวกเขาเพิ่มตัวตนและบทบาททางออนไลน์ได้อย่างไร
การใช้แอปพลิเคชัน AI เพื่อเรียนรู้รูปแบบภาษาธรรมชาติจะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ที่นักการตลาดสามารถนำไปใช้กับผู้บริโภค และมุ่งเป้าความสนใจของพวกเขาไปสู่ความพยายามทางการตลาดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น รวมถึงยังช่วยในการปรับเปลี่ยนคอนเทนต์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลอีกด้วย
ระบบการตลาดดิจิทัลอัตโนมัติขั้นสูง
นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของระบบนิเวศการตลาดดิจิทัลในทศวรรษหน้า การพัฒนาของแอปพลิเคชัน AI ดิจิทัลสำหรับระบบอัตโนมัติจะมีความสำคัญมากขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า การสื่อสาร หรือประสบการณ์ของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเพื่อผลผลิตและกำไรของบริษัทด้วย
โปรแกรม AI ทั้งแบบสแตนด์อโลนและแบบบูรณาการจะช่วยให้นักการตลาดดำเนินโครงการโดยอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีดิจิทัลและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์
คอนเทนต์ดิจิทัลจะถูกพัฒนาเร็วขึ้นและสัมพันธ์กับผู้ใช้มากขึ้น เนื่องจากนักการตลาดสามารถรวมเอาองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของกลุ่มเป้าหมายเข้าไว้ด้วยกัน นำไปสู่ความพยายามในการส่งข้อความที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยควบคุมดูแลการสื่อสารให้เป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงมีการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ด้วย
ในทศวรรษที่กำลังจะมาถึง งานส่วนใหญ่ของนักการตลาดจะกลายเป็นแบบอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างไรก็ตามเรายังจำเป็นต้องมีความเฉลียวฉลาดและข้อมูลเชิงลึกจากมนุษย์ในการนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้อย่างเหมาะสม
การเปลี่ยนแปลงที่ AI จะนำมาสู่การตลาดดิจิทัล
เราไม่สามารถมองปัญญาประดิษฐ์เป็นเพียงแอปพลิเคชันหรือโซลูชันอัตโนมัติเดี่ยว ๆ แต่มันคือระบบที่มีหลายแง่มุมซึ่งเชื่อมโยงกันอยู่ในการตลาดดิจิทัลระดับต่าง ๆ เมื่อพิจารณาถึงความเร็วของการพัฒนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทศวรรษที่กำลังจะมาถึงนี้เราอาจเห็นความก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีกในระบบนิเวศของการตลาดดิจิทัล แต่มันก็จะมาพร้อมกับความท้าทายด้านจริยธรรมมากมายสำหรับอุตสาหกรรม AI ทั้งที่อาจเกิดขึ้นและกำลังเผชิญอยู่
สุดท้ายแล้วเราต้องเข้าใจว่าการทำงานควบคู่ไปกับการพัฒนาซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นไม่สามารถทดแทนนวัตกรรมของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันจะช่วยให้เราพร้อมรับมือกับตลาดที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ช่วยมอบประสบการณ์ออนไลน์ที่เป็นส่วนตัว และที่สำคัญที่สุดคือการช่วยให้นักการตลาดเห็นความพยายามของพวกเขาจากมุมมองของลูกค้าอย่างแท้จริง
Leave a Reply