fbpx
Office re-entry is proving trickier than last year’s abrupt exit

บริษัทที่ต้องการพนักงานประจำในสำนักงานประสบปัญหาในการสรรหาพนักงานใหม่

1024 683 jai

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราเห็นจุดสิ้นสุดของนโยบายการทำงานระยะไกลบางอย่าง หลังจาก Disney, Starbucks และ Activision Blizzard ต่างก็กล่าวว่าต้องการให้พนักงานของตนเข้ามาในสำนักงานบ่อยขึ้น

มีเสียงบ่นจากพนักงาน และมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการให้กลับเข้าสำนักงานทำให้พนักงานเหล่านั้นรววมถึงจากบริษัทอื่น ๆ บางคนแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยด้วยการย้ายไปที่อื่น

ตอนนี้บทพิสูจน์เริ่มชัดเจนขึ้นแล้วว่าการขาดความยืดหยุ่นอาจส่งผลเสียในระยะยาว บริษัทที่มีนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นจะเติบโตเร็วกว่าบริษัทที่ต้องการให้พนักงานทำงานในสำนักงานเต็มเวลา อ้างอิงจาก The Flex Index ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 18กรกฎาคม โดยได้รวบรวมข้อมูลจากบริษัทมากกว่า 4,500 แห่ง ในสถานที่ต่าง ๆ 30,000 แห่ง และมีพนักงานมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่แล้ว บริษัทต่าง ๆ ที่มีการทำงานแบบยืดหยุ่นเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะมีขนาดใดก็ตาม มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าบริษัทที่ทำงานในออฟฟิศเต็มเวลาถึงสองเท่า

Rob Sadow CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Scoop บริษัทเทคโนโลยีที่เผยแพร่รายดังงานกล่าวระบุว่า “มันค่อนข้างชัดเจนว่าบริษัทที่ทำงานในออฟฟิศเต็มเวลานั้นประสบปัญหาในการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถมากกว่าบริษัทที่ให้ความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง”

แม้แต่บริษัทที่ให้ความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้านเป็นเวลาสองหรือสามวัน ก็ยังเติบโตได้เร็วกว่าบริษัทที่ต้องทำงานเต็มเวลาในสำนักงาน ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มบริษัทที่มีพนักงานระหว่าง 500 ถึง 5,000 คน บริษัทที่มีโครงสร้างแบบผสมผสานมีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น 4.6% ในขณะที่บริษัทที่มีความยืดหยุ่นเต็มรูปแบบเติบโต 4.5% ส่วนบริษัทที่ทำงานเต็มเวลาในออฟฟิศเติบโตเพียง 2.1%

นอกจากนั้นยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับระดับของความยืดหยุ่นที่พนักงานเต็มใจที่จะทำตามด้วย โดยรายงานพบว่าบริษัทที่ต้องทำงานในสำนักงาน 1-3 วัน เติบโตเร็วกว่าบริษัทที่ต้องทำ 4-5 วัน มาก

แน่นอนว่าการเติบโตของจำนวนพนักงานไม่ได้หมายความถึงสถานะทางการเงินของบริษัทเสมอไป แต่ในเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมีอัตราการว่างงานที่ต่ำมากและยังคงมีสงครามแย่งชิงตัวผู้มีความสามารถในบางอุตสาหกรรม โดยทั่วไปแล้วบริษัทที่มีการจ้างงานมักจะเป็นบริษัทที่มีรายได้เพิ่มขึ้น

Atlassian เป็นบริษัทหนึ่งที่มุ่งมั่นที่จะมีความยืดหยุ่นอย่างเต็มรูปแบบ ในเดือนสิงหาคม 2020 บริษัทได้ประกาศนโยบาย Team Anywhere ซึ่งอนุญาตให้พนักงานตัดสินใจได้ว่าต้องการทำงานในสำนักงานหรือไม่ ตั้งแต่นั้นมาบริษัทมีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจาก 4,907 คน เป็น 11,067 คน โดยพนักงานใหม่ของบริษัทประมาณครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ห่างจากสำนักงานมากกว่าสองชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอยู่ในสถานที่ที่ Atlassian ไม่สามารถว่าจ้างได้มาก่อน อีกทั้งบริษัทยังสามารถเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นเนื่องจากสามารถจ้างคนที่อาศัยอยู่นอกเมืองใหญ่ รวมถึงกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสหรือจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้านหรือพื้นที่ที่ Atlassian ไม่มีสำนักงานอยู่ได้

บริษัทพบว่าความยืดหยุ่นช่วยให้ผู้คนสามารถย้ายเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวหรือไปยังเมืองที่มีค่าใช้จ่ายจับต้องได้มากขึ้น นโยบายดังกล่าวยังเพิ่มจำนวนผู้พิการและแรงงานทหารผ่านศึกที่บริษัทว่าจ้าง เนื่องจากทหารผ่านศึกมีแนวโน้มที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นน้อยกว่าและคนงานที่ทุพพลภาพก็มีปัญหากับการเดินทางหรือการที่ต้องนั่งโต๊ะทั้งวัน

แน่นอนว่าการปล่อยให้พนักงานทำงานจากระยะไกลอย่างเต็มรูปแบบก็มีข้อเสีย จากการศึกษาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมพบว่าพนักงานระยะไกลเต็มรูปแบบมีประสิทธิภาพน้อยกว่าพนักงานที่ทำงานเต็มเวลาในสำนักงานประมาณ 10% โดยงานวิจัยชี้ว่าพนักงานอาจมีปัญหาในการสร้างแรงจูงใจให้ตัวเอง และบางครั้งอาจเสียสมาธิในการประชุมมากกว่าเนื่องจากพวกเขาทำงานหลายอย่างพร้อมกัน แต่งานวิจัยเดียวกันนี้ยังแสดงให้เห็นว่างานแบบผสมผสานไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพลดลงแต่อย่างใด

Scott Farquhar CEO ของ Atlassian กล่าวว่าบริษัทได้ทดลองหาวิธีรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้สูงและทำให้ผู้คนเชื่อมต่อถึงกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยได้อยู่ในสำนักงานก็ตาม โดยบริษัทใช้วิธี “การทำงานร่วมกันอย่างตั้งใจ” ซึ่งโดยหลักแล้วหมายถึงการวางแผนหาเวลาให้กลุ่มคนทำงานมาพบปะสังสรรค์กันแบบพบหน้ากันจริง ๆ ซึ่งผลลัพธที่ได้แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมโยงกับบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากกิจกรรมนอกสถานที่เหล่านี้ และจะค่อย ๆ หายไปหลังจากผ่านไปสามหรือสี่เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมอีกครั้ง

Veeva Systems เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ตัดสินใจเริ่มทำงานจากระยะไกลในช่วงที่เกิดโรคระบาด โดยบริษัทด้านชีววิทยาศาสตร์นี้ได้ประกาศนโยบายที่อนุญาตให้ผู้คนตัดสินใจได้ว่าจะทำงานที่บ้านหรือในสำนักงาน Vivian Welsh หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลกล่าวว่านโยบายดังกล่าวส่งเสริมการสรรหาบุคลากร ระหว่างไตรมาสแรกของปี 2021 ถึง 2024 Veeva มีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น 71% และขณะนี้มีพนักงานอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 50 รัฐ

Veeva ยังมีนโยบายที่มุ่งให้พนักงานระยะไกลมีส่วนร่วมอยู่เสมอ ทั้งการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ของทั้งแผนกปีละครั้ง และ “สัปดาห์ทำงานร่วมกัน” ซึ่งบริษัทจะจ่ายเงินให้กับทีมเล็ก ๆ มาทำงานร่วมกันในสำนักงานหากมีโครงการที่ต้องทำให้เสร็จ นอกจากนี้พนักงานยังต้องเปิดวิดีโอสำหรับการคุยผ่าน Zoom เปิดปฏิทินเพื่อให้คนอื่น ๆ เห็นว่ากำลังทำอะไรอยู่ และต้องทำงานในช่วงเวลางานเพื่อให้ติดต่อได้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสำนักงานก็ตาม

การจ้างงานที่ยากลำบากดูเหมือนจะไม่มีผลให้บริษัทที่ยุติการทำงานระยะไกลอย่างเต็มรูปแบบเปลี่ยนแปลงนโยบายของพวกเขา แต่สถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนแปลงได้หากตลาดงานยังคงตึงตัว ผู้คนอาจยังยึดติดกับนายจ้างปัจจุบันด้วยเหตุผลหลายประการ แต่เมื่อพวกเขาต้องตัดสินใจว่าอยากทำงานต่อไปที่ใด พวกเขาอาจไม่เต็มใจที่จะเลือกบริษัทที่บังคับให้ต้องทำงานในสำนักงาน และหากบริษัทเหล่านั้นยังคงมีปัญหาในการจ้างงาน พวกเขาอาจจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

Leave a Reply

Your email address will not be published.