Creator Economy คลื่นลูกใหม่แห่งโอกาสทางธุรกิจ

Creator Economy คลื่นลูกใหม่แห่งโอกาสทางธุรกิจ

วิวัฒนาการของการสร้างคอนเทนต์ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวิธีที่เราใช้ในการบริโภคและเกิดเป็นการสร้างคอนเทนต์สำหรับการบริโภคจำนวนมาก เมื่อสิบกว่าปีก่อนเราพึ่งพาแพลตฟอร์มสื่อกระแสหลัก เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ซีดี และเทป เพียงอย่างเดียวในการควบคุมการส่งผ่านข้อมูลและความบันเทิง บ่อยครั้งเพื่อจุดประสงค์ในการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ

เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระลึกไว้ว่าชีวิตของเราดีขึ้นมากเพียงใดจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ พวกมันนำพาผู้คนจากทั่วมุมโลกเข้ามาใกล้กันและเชื่อมโยงวัฒนธรรมที่แตกต่างเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตามการส่งผ่านเนื้อหาที่มีการควบคุมนี้ก็มีข้อจำกัดในตัวเองด้วยกฎระเบียบและความรับผิดทางกฎหมายจากรัฐบาล

การเริ่มต้นของเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้การเล่าเรื่องเริ่มเปลี่ยนไป ขณะนี้ผู้คนสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีข้อบังคับน้อยลงหรือไม่มีเลยและเข้าถึงใครก็ได้ในโลก ทำให้ผู้คนมีวิธีใหม่ในการแสดงออกและแบ่งปันผลงาน ทักษะ หรือความรู้กับคนทั่วโลก รวมถึงหาเลี้ยงชีพและสร้างธุรกิจจากผู้ชมเหล่านั้น ทุกวันนี้เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้มอบอำนาจที่ยิ่งใหญ่ให้กับครีเอเตอร์

ในปี 2021 รายงานของ Forbes เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยครีเอเตอร์ (Creator Economy) เรื่อง “Why The Creator Economy Is Worth Watching In 2022” ประมาณการว่าตลาดดิจิทัลครีเอเตอร์มีมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสามารถเติบโตเป็น 1.04 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 20222 จากรายงานล่าสุดโดย Policy Circle แสดงให้เห็นว่า Creator Economy มีสัดส่วนระหว่าง 2% ถึง 7% ของ GDP แต่ละประเทศทั่วโลกโดยเฉลี่ย หรือราว 6.1% ของ GDP รวมทั้งหมดของโลก ตัวเลขเหล่านี้พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่า Creator Economy กำลังสร้างคลื่นลูกใหม่แห่งโอกาสทางธุรกิจ ปรับปรุงชีวิตของผู้คน และส่งเสริม GDP ของประเทศ

Douglas Kendyson CEO และผู้ก่อตั้ง Selar แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ช่วยให้ครีเอเตอร์เผยแพร่และสร้างรายได้จากเนื้อหา ความรู้ และทักษะของตน กล่าวว่า “วิวัฒนาการของ Creator Economy พึ่งกลายเป็นกระแสหลักในหมู่ชาวแอฟริกันในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเท่านั้น โดยบางส่วนสามารถสืบย้อนไปถึงการเติบโตของสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในแอฟริกา เนื่องจาก Creator Economy ทำงานบนอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้น ผู้คนก็จะสามารถเชื่อมต่อกับครีเอเตอร์และเข้าถึงคอนเทนต์ของพวกเขาได้มากขึ้น”

ครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างไร

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 เราเห็นโฆษณาของแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น YouTube, Instagram, iTunes, Spotify และล่าสุด Snapchat, Twitter, Medium, Twitch และ TikTok มีส่วนช่วยในการค้นหาครีเอเตอร์และการพัฒนาของผู้ชมด้วยการลงทุนที่สำคัญในระบบการให้คำแนะนำและอัลกอริธึมการจัดการต่าง ๆ

Creator Economy กำลังเติบโตกลายเป็นหนึ่งในผู้จ้างงานรายใหญ่ที่สุด เนื่องจากมีครีเอเตอร์มืออาชีพถึง 2 ล้านคน ที่ทำงานสร้างคอนเทนต์แบบเต็มเวลา และอีกประมาณ 46.7 ล้านคน ที่ทำแบบพาร์ททามตามข้อมูลของ SignalFire ตั้งแต่เริ่มต้นจากครีเอเตอร์ใน IG และ YouTube ที่มีจำกัด จนถึงขณะนี้มีครีเอเตอร์มากกว่าหนึ่งล้านคนทั่วโลก ตอนนี้ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” เป็นงานที่เหมาะสมที่ Gen Z สามารถพูดคุยอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจได้

การมีกลุ่มแฟนคลับที่คอยติดตามพวกเขานอกแพลตฟอร์ม ครีเอเตอร์สามารถกลายเป็นธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบด้วยแหล่งรายได้ที่หลากหลายนอกเหนือจากโฆษณา ในอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลและส่วนเสริม แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเช่น Selar ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลต่าง ๆ เช่น e-books หลักสูตรออนไลน์ การสมัครสมาชิก งานศิลปะ เพลง ภาพถ่าย และอีเว้นต์ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ครีเอเตอร์จึงสามารถมุ่งความสนใจไปที่การสร้างคอนเทนต์เฉพาะทางที่ตอบสนองความสนใจของผู้ชมของตัวเอง แทนที่จะมองหาผู้ชมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และสร้างคอนเทนต์แบบคลิกเบตทั่วไป

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือครีเอเตอร์มีความหลากหลายมากขึ้นในแหล่งรายได้ โดยเปลี่ยนจากการได้รับเงินจากแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ด้วยส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณาเพื่อแลกกับการดึงดูดผู้ชมมายังแพลตฟอร์ม มาเป็นการได้รับเงินจากแบรนด์ผู้สนับสนุนบน Instagram และ Snapchat เพื่อแลกกับการเข้าถึงผู้ชมของพวกเขาผ่านแพลตฟอร์ม ไปจนถึงการรับเงินจากแฟน ๆ ผ่านการอุปถัมภ์หรือการให้ทิปหรือชายสินค้าอีคอมเมิร์ซเพื่อแลกกับความบันเทิงและชุมชนนอกแพลตฟอร์ม

Douglas Kendyson กล่าวว่า “ด้วยจุดเชื่อมต่อหลักคือโทรศัพท์มือถือ ครีเอเตอร์จึงมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์และหาเลี้ยงชีพ เมื่อมีผู้คนออนไลน์และมีการใช้จ่ายเงินมากขึ้นทุกปี ครีเอเตอร์จึงมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะใช้ประโยชน์จากความสนใจนี้และเปลี่ยนให้เป็นรายได้”

“จำนวนคอนเทนต์และการสร้างสรรค์ที่ดูแลจัดการโดยครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในและนอกแอฟริกา การเติบโตนี้ทำให้เกิดความต้องการเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ส่งเสริม ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้บางส่วนกำลังถูกสร้างขึ้น (หรือถูกสร้างขึ้นแล้ว) แต่เรายังต้องการตัวแทนเพิ่มเติมในแง่ของการพัฒนา Creator Economy โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกา” เขากล่าวเสริม

อนาคตของ Creator Economy จะเป็นอย่างไร

การระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดยุคใหม่ของ Creator Economy ซึ่งขณะนี้ได้รับแรงหนุนจากจำนวนของผู้ที่กำลังสร้างรายได้จากแพชชั่นและผู้ชมที่เพิ่มขึ้น นี่คือแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปเนื่องจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยียังคงขยายความเป็นไปได้ของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

Douglas Kendyson กล่าวว่า “ผมเชื่อจริง ๆ ว่าใครก็สามารถเป็นครีเอเตอร์ได้ในอนาคต เราอาจไม่ใช่ครีเอเตอร์ที่มีรายได้หลายล้านดอลลาร์ แต่ทุกคนมีคุณค่าเฉพาะตัวที่สามารถเสนอให้ผู้ชมและชุมชนได้ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถสร้างรายได้จากผู้ชมของพวกเขา แต่ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของครีเอเตอร์ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับที่ทุกคนสามารถหยิบกล้องหรือโทรศัพท์ขึ้นมาและเป็น YouTuber ได้ ผู้คนจำนวนมากขึ้นตระหนักดีว่าพวกเขาสามารถสร้างกลุ่มผู้ชมและนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่าได้ไม่ว่าชุมชนจะมีขนาดเท่าใด”

“อนาคตของระบบทุนนิยมดิจิทัลอยู่ในมือของผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากที่อยู่ใกล้ชิด เชื่อมโยงกันมากขึ้น และด้วยการมีลูกค้าเฉพาะกลุ่มจึงสามารถเข้าใจลูกค้าของตนได้ดีกว่าแบรนด์ใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายคอนเทนต์ ผลิตภัณฑ์ หรือความรู้” ส่วนหนึ่งจากบทความของ Forbes

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าตลาดครีเอเตอร์มีมูลค่ามากกว่า 1.04 แสนล้านดอลลาร์ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้อาจสามารถพิสูจน์ได้ว่า Creator Economy จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งต่อไปของเศรษฐกิจดิจิทัล