fbpx

ทำยังไงพนักงานถึงจะช่วยสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid Working

1024 684 Content Writer

กุญแจสำคัญในการได้รับการสนับสนุนจากพนักงานสำหรับการทำงานแบบผสมผสานในระยะยาว

ปัจจุบันความพึงพอใจของพนักงานในสหรัฐอเมริกาต่อการทำงานแบบผสมผสานยังคงมีความหลากหลาย โดยพนักงานมีความคิดเห็นต่อโมเดลนี้ตั้งแต่เหมาะสม ท้าทาย ไม่ยุติธรรม ไปจนถึงชื่นชอบ ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามใครและใครเป็นคนถาม

การขาดข้อสรุปในประเด็นนี้อาจดูแปลกสำหรับผู้นำธุรกิจ หากพิจารณาว่าการทำงานแบบผสมผสานสามารถให้อิสระกับพนักงานในการออกแบบวิธีการ เวลา และสถานที่ที่พวกเขาใช้ทำงานได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากได้รับแรงกดดันจากพนักงานบางคนเกี่ยวกับการถูกบังคับให้กลับไปที่สำนักงาน การทำงานแบบผสมผสานจึงควรเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าหากว่าสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขไม่ใช่สาเหตุของความคิดเห็นที่ต่างกันนี้ล่ะ เพราะท้ายที่สุดแล้วพนักงานเองก็ชื่นชอบการทำงานระยะไกลมากกว่าถ้าสามารถทำได้ ดังนั้นดูเหมือนว่าความพึงพอใจของลูกจ้างที่มีต่อนายจ้างจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีกว่า

ผลประโยชน์ของนายจ้างจากการทำงานแบบผสมผสานนั้นค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน ประการหนึ่งคือวิธีนี้ช่วยประหยัดเงินด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่คุณเห็นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาถึง 70% ใช้ “โมเดลการทำงานแบบยืดหยุ่น”

มีการศึกษาหนึ่งประเมินว่าธุรกิจทั่วโลกสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือ 1.1 หมื่นดอลลาร์ต่อพนักงานหนึ่งคนด้วยการทำงานแบบผสมผสาน โมเดลนี้ยังขยายกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถให้กว้างขึ้นอย่างมากสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตและพัฒนาสู่ตลาดใหม่ รวมถึงเพิ่มการรักษาพนักงานไว้กับบริษัทด้วยการนำเสนอสิ่งที่พวกเขาชอบ ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน และด้วยการที่ยังเหลือพื้นที่สำนักงานไว้ทำให้การรับพนักงานใหม่และการฝึกอบรมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข่าวดีสำหรับนายจ้างก็คือไม่ใช่ตัวโมเดลที่สร้างความกังวลให้กับพนักงาน แต่เป็นที่การบังคับใช้และการสื่อสารต่างหาก

ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ผู้นำธุรกิจสามารถใช้เพื่อผ่อนคลายความกังวลของพนักงานเกี่ยวกับการทำงานแบบผสมผสานในระยะยาว

 

สื่อสารให้พนักงานเข้าใจถึงคุณค่าของการทำงานแบบผสมผสาน

จากการสำรวจเมื่อเดือนเมษายนปี 2021 ของ McKinsey พนักงานรู้สึกว่าพวกเขายังไม่ทราบข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับแผนของนายจ้างสำหรับการทำงานหลังโควิด-19 และพนักงานที่รู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการสื่อสารมีแนวโน้มที่จะรายงานถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าถึงเกือบ 5 เท่า

บริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความไว้วางใจของพนักงานและการยอมรับนโยบาย ผู้นำธุรกิจต้องชี้แจงว่าการทำงานแบบผสมผสานจะเป็นประโยชน์อย่างไร เช่น การประหยัดต้นทุน การขยายกลุ่มผู้มีความสามารถ และการเพิ่มประสิทธิภาพ จากนั้นจึงค่อยอธิบายว่าพวกเขามีแผนการอย่างไร เริ่มต้นเมื่อไหร่ ใครมีส่วนร่วมบ้าง และสุดท้ายแล้วจะส่งผลกระทบต่อพนักงานแต่ละคนอย่างไร การสื่อสารทำให้เกิดการสื่อสารที่มากขึ้นและส่งผลให้การทำงานร่วมกันดีขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการเชื่อมต่อพนักงานที่กระจายตัวกันอยู่จึงเป็นขั้นตอนพื้นฐาน

 

สร้างความเท่าเทียมในการทำงาน

พนักงานส่วนใหญ่ไม่สามารถทำงานระยะไกลได้ตลอดเวลาหรือแม้แต่ในบางช่วง ซึ่งอาจทำให้เกิดการต่อต้านที่พอเข้าใจได้ เพื่อจัดการกับเรื่องดังกล่าวผู้นำธุรกิจสามารถสร้างทางเลือกและความยืดหยุ่นให้กับพนักงานที่ต้องทำงานในสำนักงาน สร้างความเท่าเทียมให้กับผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบผสมผสาน สวัสดิการต่าง ๆ เช่น วันหยุด ตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น การปรับเงินเดือน และความคล่องตัวของการทำงานควรมีให้กับพนักงานทุกคน ค่าใช้จ่ายของแผนนี้สามารถชดเชยได้ด้วยการประหยัดจากโมเดลแบบผสมผสานซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่สามารถทำได้

สิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือการรวมตัวกัน แต่แทนที่จะใช้ซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม และข้อมูลในการเชื่อมต่อ การสร้างความเท่าเทียมในผลประโยชน์ของพนักงานต่างหากที่จะรวมองค์กรเป็นหนึ่งเดียว สร้างชุมชนที่ดีขึ้น และแก้ปัญหาต่างคนต่างอยู่ที่มักเป็นผลพลอยได้จากการทำงานแบบผสมผสาน

 

สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับทั้งพนักงานใหม่และเก่า

การทำงานแบบผสมผสานและการทำงานระยะไกลนั้นไม่เหมือนกัน อีกทั้งการทำงานร่วมกันในสำนักงานบางอย่างก็ทำให้เกิดผลดีกับพนักงานเป็นอย่างมาก เช่น การย้ายตำแหน่งงาน การขึ้นเงินเดือน และประสิทธิภาพการทำงาน ในทางกลับกันพนักงานระยะไกลเต็มรูปแบบนั้นสามารถย้ายที่อยู่หรือเริ่มงานใหม่จากพื้นที่ที่มีค่าครองชีพต่ำกว่าและได้อยู่ใกล้กับครอบครัว

เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นที่มีการพูดคุยกันมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าการทำงานระยะไกลส่งผลต่อประสบการณ์ของพนักงานอย่างไร วิธีแก้ปัญหาแบบหนึ่งคือการสร้างสำนักงานที่มีขนาดเล็กลงกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งพนักงานใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยการมีส่วนร่วมแบบพบเจอหน้ากันจริง ๆ ส่วนพนักงานเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานระยะไกลและปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นแบบผสมผสานก็สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคเดียวกันได้

 

ให้โอกาสกับพนักงานในการเปลี่ยนงานและเรียนรู้สิ่งใหม่

พนักงานหลายคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เตรียมการอย่างเหมาะสมที่จะตอบสนองต่อความคาดหวังของบริษัท เกี่ยวกับการทำงานแบบผสมผสาน และบางคนก็ไม่เห็นด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญสำหรับผู้บริหารในการขยายการฝึกอบรมไปยังพนักงานที่อาจมีความกังวลเกี่ยวกับการแปลงอย่างรวดเร็วนี้

โปรแกรมเหล่านี้มีตั้งแต่เซสชันภายในเพื่อเปลี่ยนทักษะเกี่ยวกับแนวทางการใช้งานซอฟต์แวร์ ไปจนถึงหลักสูตรจากภายนอกเพื่อเพิ่มทักษะให้กับพนักงานในบางหัวข้อ เช่น Data Science การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ผ่านการศึกษาเป็นสิ่งที่ผู้นำเห็นได้บ่อยในตลาดระดับกลางเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่หลักสำคัญของกลยุทธ์นี้สามารถนำไปใช้ได้กับทุกกลุ่ม และโดยส่วนมากสามารถทำได้ทางออนไลน์ หากผู้นำสามารถเพิ่มความมั่นใจในหมู่พนักงานเกี่ยวกับความสามารถในการทำงานในสภาพแวดล้อมแบบผสมผสานได้ มันจะเป็นการยกระดับความมั่นใจในการใช้งานกลยุทธ์แบบผสมผสานโดยรวมทั้งหมด

การศึกษาเมื่อเดือนมกราคม 2565 โดยมหาวิทยาลัย MIT จากข้อมูลออนไลน์ของพนักงาน 34 ล้านคนระบุว่า “โอกาสในการเปลี่ยนงาน” เป็นตัวทำนายอันดับหนึ่งของการรักษาพนักงาน ซึ่งใช้คาดเดาได้ดีกว่าผลตอบแทนถึง 2.5 เท่า ความยืดหยุ่นในที่ทำงานเป็นมากกว่าเรื่องของสถานที่ที่พนักงานใช้ทำงาน มันรวมไปถึงโอกาสภายในบริษัทที่สามารถเข้าถึงได้ ผู้นำธุรกิจจึงควรส่งเสริมให้พนักงานมีบทบาทใหม่ภายในองค์กรเพื่อลดการลาออกจากงาน

 

ความไว้ใจเป็นสิ่งสำคัญ

ผู้นำได้เห็นแล้วว่าอะไรสามารถเกิดขึ้นได้บ้างเมื่อธุรกิจสูญเสียความไว้วางใจจากพนักงาน อนาคตของการทำงานที่ยั่งยืนจำเป็นต้องให้ผลประโยชน์กับพนักงานมากเท่ากับนายจ้าง แนวคิดและกลยุทธ์ที่อธิบายไว้ข้างต้นเป็นสิ่งที่ใช้ได้ผลจริง แต่ความพยายามใด ๆ ก็ตามที่สนับสนุนพนักงานในช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและน่ากลัวนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการทำงานแบบผสมผสานจะได้ผลในระยะยาว

 

Author

Content Writer

All stories by: Content Writer

Leave a Reply

Your email address will not be published.